Quantcast
Channel: Brand Buffet
Viewing all 21651 articles
Browse latest View live

CHEVROLET เผยโฉมรถกระบะซิลเวอร์ราโด ที่สร้างสรรค์จากตัวต่อเลโก้® ขนาดเท่าของจริงเป็นครั้งแรก [PR]

$
0
0

เชฟโรเลต และนักเรียนจากโครงการแข่งขันหุ่นยนต์ FIRST LEGO® League โรงเรียนออกซฟอร์ด คอมมูนิตี้ ร่วมกับนักเรียนจากโครงการ A World in Motion Program ของโรงเรียนมัธยม ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน ในดีทรอยต์ เปิดตัวรถกระบะขนาดใหญ่ เชฟโรเลต ซิลเวอร์ราโด ที่ถูกสร้างจากชิ้นส่วนเลโก้® ขนาดเท่ารถของจริงเป็นครั้งแรกในงานนอร์ท อเมริกา อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต้โชว์ (North American International Auto Show) ซึ่งเพิ่งจะเปิดให้สาธารณชนเข้าชมงาน แบบจำลองนี้ถูกสร้างเป็นรถกระบะซิลเวอร์ราโด ใหม่ รุ่นปี 2019 1500 LT เทรล บอสส์ขนาดเท่ารถของจริงและเป็นรถกระบะเชฟโรเลตคันแรกที่สร้างจากตัวต่อเลโก้ทั้งหมด

รถกระบะซิลเวอร์ราโดที่ต่อจากเลโก้นี้เป็นความร่วมมือระหว่างเชฟโรเลตและวอร์เนอร์ บราเธอส์ พิคเจอร์สที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง "เลโก้ แบทแมน" และ “เลโก้ แบทโมบิลจากเชฟวี่” ในปี 2560
โดยความร่วมมือล่าสุดนี้เกิดขึ้นจากความพยายามที่จะสร้างกิจกรรมทางการตลาดให้กับรถกระบะซิลเวอร์ราโดที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมนี้ รถกระบะเชฟโรเลต ซิลเวอร์ราโด ไฮคันทรี ขนาดเล็กที่สร้างขึ้นเองจะอวดโฉมในภาพยนตร์แอนิเมชันแนวผจญภัย “เดอะเลโก้มูฟวี่ 2” ที่จะเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเป็นภาคต่อของการผจญภัยที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ของเหล่าฮีโร่จากเดอะเลโก้มูฟวี่ที่รวมตัวกันต่อสู้ เพื่อปกป้องเมืองอันเป็นที่รักของพวกเขาจากเลโก้ ดูโป้ ® ผู้บุกรุกจากนอกอวกาศ

นายแซนดอร์ พิซซาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดรถกระบะเชฟโรเลต กล่าวว่า “การกลับมาร่วมงานของเชฟโรเลตและวอร์เนอร์ บราเธอส์ พิคเจอร์สครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เราต้องการที่จะนำแบรนด์และหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของเราอย่างรถกระบะซิลเวอร์ราโดเข้าไปมีส่วนร่วมในภาพยนตร์ ‘เดอะเลโก้มูฟวี่ 2’ ซึ่งแนวคิดของการตัดสินใจและการทำงานร่วมกันในภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้สอดคล้องกับคุณค่าแบรนด์เชฟโรเลตและเรามั่นใจว่า รถกระบะซิลเวอร์ราโด ใหม่มีฟีเจอร์และเทคโนโลยีต่างๆรวมถึงความทนทานที่สามารถช่วยให้ตัวละครในเรื่องอย่างเอมเม็ต ลูซี่ และเพื่อนๆ ทะยานสู่การผจญภัยครั้งใหม่ สามารถเอาชนะความท้าทายครั้งใหม่นี้ได้”

นักต่อเลโก้ที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษทั้ง 18 คน ใช้เวลาสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้มากกว่า 2,000 ชั่วโมงในการคัดเลือกตัวต่อด้วยมือและนำตัวต่อเลโก้ทั้งหมด 334,544 ชิ้น มาประกอบเป็นรถกระบะเชฟโรเลต ซิลเวอร์ราโดจากตัวต่อเลโก้® สีแดง ที่มีรายละเอียดของแสงและข้อมูลกราฟฟิคบนรถ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถกระบะซิลเวอร์ราโดที่ต่อจากเลโก้นี้ สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์เชฟโรเลต Chevrolet.com.

ข้อมูลของรถกระบะซิลเวอร์ราโดที่สร้างจากเลโก้® มีดังนี้

  • รถกระบะซิลเวอร์ราโดที่สร้างจากเลโก้นี้มีความสูง 72 นิ้ว (6 ฟุต) ความยาว 240 นิ้ว (20 ฟุต) และความกว้าง 96 นิ้ว (8 ฟุต)
  • น้ำหนักรวมทั้งหมด 3,307 ปอนด์ (ประมาณ 1,500 กิโลกรัม)
  • จำนวนตัวต่อของรถกระบะซิลเวอร์ราโดที่สร้างจากเลโก้® ทั้งหมด 334,544 ชิ้น แต่ละชิ้นมีการคัดเลือกด้วยมือและประกอบโดยนักต่อเลโก้ที่ผ่านการอมรมมาเป็นพิเศษ
  • ตัวต่อที่ถูกใช้มากที่สุดสำหรับรถคันนี้ คือ ตัวต่อ 2X8 สีแดง
  • รถกระบะซิลเวอร์ราโดที่ต่อจากเลโก้® ต่อโดยนักต่อเลโก้ที่ 18 คนใช้เวลาในการต่อมากกว่า 2,000 ชั่วโมง
  • รถกระบะซิลเวอร์ราโดที่ต่อจากเลโก้® ได้รับการออกแบบและประกอบโดยนักต่อเลโก้ผู้เชี่ยวชาญในร้านเลโก้ กรุ๊ป โมเดล ช็อป เมืองเอนฟิลด์ รัฐคอนเนตทิคัต

ฉลองเทศกาลตรุษจีนต้อนรับปีหมู กับออเนอร์ [PR]

$
0
0

เทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้ถือเป็นเทศกาลสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนที่จะมาร่วมเฉลิมฉลองต้อนรับปีหมู ซึ่งประเพณีสำคัญของวันตรุษจีนที่ขาดไม่ได้คือการส่งมอบความสุขและให้ของขวัญอวยพรแก่ผู้ใหญ่ ญาติพี่น้อง และคนที่คุณรัก ในวันตรุษจีนชาวไทยเชื้อสายจีนถือว่าเป็นวันที่สมาชิกในครอบครัวจะมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งธรรมเนียมของคนจีนที่มีมาแต่โบราณและยังคงปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ “ไป๊เจีย” ธรรมเนียมการไปกราบไหว้ขอพรจากญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก นอกจากนี้สัญลักษณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของเทศกาลนี้คือการแลกเปลี่ยนของขวัญ หรือ “อั่งเปา” เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้มีพระคุณและลูกหลาน เนื่องในโอกาสนี้ออเนอร์ขอแนะนำทริคการเลือกซื้อของขวัญสุดพิเศษไม่เหมือนใคร ด้วยสมาร์ทโฟนออเนอร์หนึ่งในแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำระดับโลกที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย ออเนอร์สมาร์ทโฟนมาพร้อมคุณสมบัติและฟังก์ชั่นที่หลากหลายเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน

ซึ่งออเนอร์ได้รวบรวมเคล็บลับการเลือกสมาร์ทโฟนเป็นของขวัญวันตรุษจีนที่ผู้รับต้องถูกใจอย่างแน่นอน เริ่มด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากออเนอร์อย่าง HONOR 10 Lite สมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาเพื่อการเซลฟี่โดยเฉพาะ ด้วยกล้องหน้ามาพร้อมเทคโนโลยี AI ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล และโหมดบิ้วตี้ช่วยปรับให้หน้าเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องที่โด่ดเด่นแบบไล่เฉดสีไม่เหมือนใครเหมาะแก่เป็นขวัญวันตรุษจีนที่เหล่าแฟชั่นนิสต้าหรือสาวๆที่ชื่นชอบการเซลฟี่ต้องถูกใจอย่างแน่นอน

หากคุณเป็นคนชอบดูหนัง ละคร หรือซีรีย์เกาหลี ออเนอร์ขอแนะนำ HONOR 8X สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว พร้อมกับโหมดถนอมสายตา (Eye comfort) ให้การแสดงผลภาพที่คมชัดทุกมุมมองตอบโจทย์ความบันเทิงและคอนเทนต์ทุกรูปแบบได้อย่างลงตัว ซึ่ง HONOR 8X ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของขวัญให้กับคนรักความบันเทิงหรือญาติผู้ใหญ่ที่ต้องอัพเดทข้อมูลข่าวสารตลอดทั้งวัน

สำหรับสมาร์ทโฟนเพื่อเป็นของขวัญเอาใจคอวัยรุ่นต้องยกให้ HONOR Play ด้วยตัวเครื่องมาพร้อมเทคโนโลยี GPU Turbo ที่จะช่วยยกระดับความเร็วแรงในการประมวลผลกราฟฟิคเพื่อการเล่นเกมอย่างลื่นไหลไม่มีกระตุก แถมด้วยแบตเตอรี่ความจุ 3,750 mAh ที่รองรับการใช้งานและเล่นเกมได้ตลอดทั้งวันซึ่งหากคุณเบื่อของขวัญแบบเดิมๆและกำลังมองหาไอเดียในการเลือกของขวัญพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนี้ ออเนอร์ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดในการฉลองต้อนรับปีหมูที่จะมาถึง

ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

  • HONOR 10 Lite วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 6,490 บาท โดยมาพร้อมสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีฟ้าสกายบลู (Sky blue), สีน้ำเงินเข้ม (Sapphire blue) และสีดำ (Midnight black) ซึ่งจะพร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไปที่ Lazada CSC ศูนย์บริการ AIS Shop และร้านค้า HONOR Shop สาขา MBK พิเศษตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ HONOR 10 Lite ล่วงหน้าได้ที่ Lazada (https://bit.ly/2CO8Ha5) CSC ศูนย์บริการ AIS Shop (ในสาขาที่ร่วมรายการ) และร้านค้า HONOR Shop สาขา MBK สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อล่วงหน้าสามารถรับชุดของขวัญสุดพิเศษประกอบด้วย ไฟวงแหวนเซลฟี่การ์ดความจำ 64GB ขาตั้งโทรศัพท์ และฟิล์มกันรอย
  • HONOR 8X (128 GB) วางจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 7,990 บาท ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ Lazada (https://bit.ly/2CO8Ha5) ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และ HONOR Shop สาขา MBK
  • HONOR Play วางจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 8,590 บาท ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ Lazada (https://bit.ly/2CO8Ha5) ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และ HONOR Shop สาขา MBK

โปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2562 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมติดตามได้ที่ HONOR official website: https://www.hihonor.com/th/

“โรงแรมชินะปุระ” แหล่งพักผ่อนแห่งใหม่สไตล์ฮิสโตริกบูติค ใจกลางพิษณุโลก [PR]

$
0
0

โรงแรมชินะปุระ หรือ Shinnabhura Historic Boutique Hotel ที่พักแห่งใหม่ของจังหวัดพิษณุโลก หนึ่งในแลนด์มาร์คที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทาง โดยเป็นโรงแรมเชิงประวัติศาสตร์ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่
โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบสถาปัตยกรรมมาจากยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา และอาณาจักรล้านนา

โรงแรมชินะปุระ ใส่ใจในรายละเอียดการตกแต่งโดยสะท้อนความงดงามในสไตล์ศิลปะอยุธยาและล้านนาโบราณ ผ่านห้องพัก 5 ประเภท รวม 44 ห้อง ได้แก่ ห้องพักแบบยุ้งข้าว ห้องพักแบบดีลักซ์ ห้องพักแบบแกรนด์ดีลักซ์ ห้องพักแบบจูเนียร์สวีท และ ห้องพักแบบรอยัลสวีท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ บริการรถรับ-ส่งสนามบิน ฟรี
Wi-Fi สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และ สราญสปา ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการ ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น และใช้หลักการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยบริการนวดแผนไทยโบราณ การนวดไทยล้านนา 3 ประสาน การเข้าอู่อยู่ไฟ และการใช้สมุนไพรในรูปแบบต่างๆ

ร่วมลิ้มรสอาหารไทยรสเลิศและอาหารนานาชาติที่ห้องอาหารเชลียงผ่านฝีมือการรังสรรค์เมนูชั้นเยี่ยมจากเชฟชื่อดัง หรือ ดื่มด่ำบรรยากาศบาร์เครื่องดื่มสุดชิลที่ต้นจัน Secret Bar & Garden Café ในบรรยากาศของสถานที่ที่มีทั้งภายในเรือนยุ้งข้าวแบบติดแอร์ และภายนอกใต้ต้นจันขนาดใหญ่พร้อมยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมในโรงแรมที่จัดแสดงอาวุธ เครื่องแต่งกายของนักรบ งานแกะสลักและภาพวาดการจัดกระบวนศึกในสมัยอยุธยาและล้านนาอีกด้วย

นอกจากนี้ โรงแรมฯ ยังตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเที่ยวชมแหล่งประวัติศา
ตร์สำคัญและธรรมชาติที่สวยงาม อาทิ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร(วัดใหญ่) พระราช วังจันทร์ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อุทยานแห่งชาติ ทุ่งแสลงหลวง และ ภูลมโล

ขอเชิญท่านสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนที่เหนือระดับท่ามกลางบรรยากาศสถาปัตยกรรมอันล้ำค่า ที่ผสมผสานอย่างลงตัวของศิลปะสมัยอยุธยาและสมัยล้านนาได้แล้ววันนี้ ที่โรงแรมชินะปุระ

ติดต่อสำรองห้องพักได้ที่โทร 055-219-888 อีเมล์ reservation@shinnabhura.com หรือเว็บไซต์ www.shinnabhura.com

เรียนรู้ทฤษฎี “สี”ผ่าน Superhero ทำไมขบวนการเซนไต พระเอกต้อง “สีแดง”

$
0
0


ถ้าได้ลองไล่ดูชื่อของ “ซูเปอร์ฮีโร่” ชื่อดังทั้งหลาย คุณอาจพบว่าคุณกำลังจมไปในทะเลสีแดง
, น้ำเงิน, เหลือง มีบ้างที่จะเป็นกรีน, ขาว, ดำ ฯลฯ แต่ฮีโร่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลหลายคนมาพร้อมคือสีแดงและน้ำเงินที่มีเหลืองแซม ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สีที่ง่ายที่สุดในการพิมพ์สี่สีกลายเป็นตัวเลือกสำหรับฮีโร่ตัวเด่น แต่มันมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่สำหรับลักษณะของฮีโร่เหล่านี้ ที่เราจะมาดูกันวันนี้คือ สี บอกอะไรเราเกี่ยวกับตัวละครเหล่านั้น?

ทฤษฎีสีมีความเชื่อมายาวนานเกี่ยวกับแต่ละสีว่ามีความหมายอย่างไร เราได้เห็นชาร์ตการใช้ทฤษฎีสีที่ว่านี้กับโลโก้ของบริษัท ทำไมโค้กถึงต้องการปล่อยพลังงานสีแดงอันพุ่งพล่านไปสู่วัยรุ่น หรือ Hooters กับการเลือกสีส้มที่ร่าเริง เพราะมันหมายถึงความสนุก ทฤษฎีสีอาจอธิบายได้ว่าทำไมทีมกีฬาทั้งหลายไม่เลือกใช้สีที่ทำให้ด้วยเองโดดเด่นด้วยการรวมคอมโบสีที่ไม่ซ้ำใครมาใช้ แล้วจบลงด้วยการเลือกใช้สีพื้นฐานที่จำง่ายแทน

แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณใช้สัญลักษณ์ของสีแบบตะวันตกนี้กับแก๊งตัวละครซูเปอร์ฮีโรที่เราชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น Avengers, Justice Leaguers, X-Men และศัตรูของพวกเขา ทฤษฎีนี้จะสามารถช่วยอธิบายได้หรือไม่ว่าเหตุใดฮีโร่บางคนจึงได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ชมบางกลุ่มเป็นพิเศษ

นี่คือรายการของสีและความหมาย:

ตัวละครที่มีสีเดียวมักจะไม่โด่งดังเท่าตัวที่มีสองสีหรือสามสี เพราะมันไม่ได้ดึงดูดสายตา ตัวละครอย่าง Silver Surfer เป็นศูนย์รวมของแสงที่กว้างขวาง, เป็นนิรันดร์, บริสุทธิ์, ปราศจากเชื้อ, เยือกเย็นและไม่เป็นมิตร แต่นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยู่คนเดียวและไม่มีแฟนคลับมากนัก แต่ความเรียบของเขาก็ทำให้แฟนๆ ของเขาจะค่อนข้างมีรอยัลตี้สูงทีเดียว

ตรงข้ามกับฮีโร่ที่ซับซ้อนอย่าง Martian Manhunter ที่มีรายชื่อพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด และมีสีมากกว่าสามสีซึ่งดูเหมือนซับซ้อนเกินไปสำหรับโลกแห่งความกล้าหาญและตรงข้ามศีลธรรม

แต่ เรามักจะเห็นฮีโร่ที่มีสองสีหลักและสีที่เน้นหนึ่งสี (โดยไม่นับสีดำ เพราะเป็นสีที่จะใช้ในการร่างเส้นทุกอย่าง) สีคู่สองสี่คือสิ่งที่ได้รับความสนใจ ในภาค Superhero Color Theory นี้เราจะมาดูว่าสีหลักมีผลต่อการรับรู้ของฮีโร่ที่เราชื่นชอบอย่างไร

2 สีหลัก ที่โดดเด่น โชว์คาร์แร็กเตอร์ชัด!

Superman, Wonder Woman, Thor, Spider-Man และ Captain America เป็นตัวละครชื่อดังที่พวกเราชื่นชอบ พวกเขาส่วนใหญ่มีสีแดงและสีน้ำเงินเป็นหลัก สีแดงหมายถึงการมีความกล้าหาญ, หลงใหล และมุ่งมั่น แต่มีพื้นฐานมาจากความลึกล้ำ, สติปัญญาและความมั่นใจของสีน้ำเงิน คุณอาจพูดได้ว่า Spider-Man ดูสับสนโดดเดี่ยวเกินกว่าจะมั่นใจ แต่ดูเหมือนเขาจะมีความมั่นใจมากพอที่จะพูดเล่นมุขในขณะที่กะโหลกศีรษะแตกก็ถือว่าเป็นคนมั่นใจได้อยู่

นอกจากนี้ยังมีสีเหลืองที่ถูกแซมเข้าไปในสามคนแรก (Superman, Wonder Woman, Thor) ดังนั้นคุณจะพบว่าฮีโร่ทั้งสามของคุณจะดูมความใส่ใจ, ดูแลความปลอดภัย, มีความสุข และเป็นคนที่ค่อนข้างโอ้อวด ทว่าสิ่งเหล่านี้นำไปใช้กับอีกสองคนที่เหลือไม่ได้ ดวงตาสีขาวของสไปเดอร์แมนและช่วงท้องของกัปตันอเมริกาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาบริสุทธิ์และไร้เดียงสามากกว่าจะฉูดฉาด

ตัวอย่างอื่น ๆ ของสีแดงและสีน้ำเงิน ได้แก่ Atom, Giant Man, Ant Man, Power Girl, Captain Marvel, Ms. Marvel และ Doctor Strange

ชุดสีหลักที่เป็นที่นิยมคู่ถัดไปคือ สีแดงและสีเหลือง Iron Man, The Flash, Human Torch, Plastic Man, Shazam และ Robin เป็นฮีโร่ผู้มีจิตใจร่าเริง พวกเขารวมเอาความหลงใหลในสีแดงที่น่าตื่นเต้น เข้ากับสีเหลือที่เต็มไปด้วยพลังงานและความเป็นธรรมชาติ พวกเขามักจะเป็นคนที่คึกคัก และชอบโชว์ออฟ สีเหลืองเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่สื่อว่าความปลอดภัยมาถึงแล้ว แต่เมื่อสีแดงและสีเหลืองรวมกัน กลับกลายเป็นไฟที่กำลังลุกโชน

ตัวละครแสดง “ชาตินิยม” ภาพสะท้อน “สี” กับความหมายของชาติ
สีขาว 
ที่เพิ่มเข้ามาของ
Shazam บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ของเขา ส่วนถุงมือและรองเท้าบู๊ตสีเขียวของ Robin แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมือใหม่ มีความขี้เล่น และพร้อมที่จะเติบโต Spider-Woman ไม่ใช่คนร่าเริง แต่รูปร่างเหมือนนาฬิกาทรายสีเหลืองบนเอวของเธอก็ให้พลังงานเชิงบวกเหมือนสีเหลืองของ Shazam เช่นเดียวกับสายฟ้าของ Flash และไฟของ Johnny Storm ที่เป็นพลังงานพิษของเธอ เธออันตรายแต่อยู่ฝ่ายเดียวกับเรา

ส่วน Colossus ก็เป็นสีแดงและสีเหลือง เหมือนกับธงจากสหภาพโซเวียต แถมด้วยโครงเหล็กสีขาว ให้อารมณ์ความเป็นลัทธิ stoicism อันเยือกเย็น ถึกอึด อดทน สิ่งนี้เป็นตัวจุดประกายคอนเส็ปของการที่ตัวละครที่สวมใส่เสื้อผ้าลายธง ตัวละครชาตินิยมมักจะสะท้อนถึงตัวตนของชาติตัวเอง ซึ่งสิ่งที่สะท้อนให้เห็นจ่ายที่สุดก็คือ “ธงชาติ”

เราจะสังเกตุได้ว่ามีธงน้อยมากที่หลุดไปจากสีหลัก คุณนึกออกไหมว่ามีธงอะไรที่เป็นสีม่วงและสีส้ม? สีเขียวและสีม่วง? ในทางกลับกันมีกี่ประเทศที่มีสีแดง ขาวและน้ำเงิน ประเทศต่างๆ มองตัวเองว่าเป็นวีรบุรุษดังนั้นจึงยึดติดกับสีที่กล้าหาญบ้านเราก็เช่นกัน


สีน้ำเงินและสีเหลือง
เป็นสีหลักคู่สุดท้ายสำหรับตัวละครที่มักจะเป็นกองหนุน พวกเขาขาดความกล้าหาญในแบบสีแดงของผู้ที่แสวงหาหรือกำหนดให้เป็นนักสู้แถวหน้าและศูนย์กลางของทุกสิ่ง

ผู้ก่อตั้งส่วนใหญ่ของ X-Men ก็มีสีน้ำเงินและเหลือง เช่นเดียวกับตำรวจเครื่องแบบสีน้ำเงินของพวกเขาบอกเราว่าพวกเขาว่าเป็นวีรบุรุษ (ความเชื่อใจ, ความมั่นใจ) พร้อมกันกับลักษณะเฉพาะอื่นๆ ของสีฟ้าที่สื่อถึงความลึกซึ้งและภูมิปัญญา จากความเป็นผู้นำของ  Professor X สีเหลืองแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีพลังงานในการต่อสู้เพื่อมนุษย์กลายพันธุ์ และพวกเขาพร้อมหยิบยื่นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับคนภายนอก เสมือนเป็นแสงจากประภาคาร

สีน้ำเงินและสีเหลืองของ Nova เปรียบเหมือนเครื่องแบบตำรวจจากอวกาศ และเราจะสังเกตได้ว่าทั้ง Power Man และ Booster Gold เลือกสีเหลืองและสีน้ำเงินในการฉายความเป็น “superhero” เพื่อดึงดูดลูกค้าหรือแฟนๆ กลุ่มใหม่ พวกเขาพลาดการเลือกสีแดงและสีน้ำเงินที่เป็นสีในอุดมคติของฮีโร่หลักส่วนใหญ่ แต่สีที่เลือกก็ไม่ผิดซะทีเดียว

Dr. Fate มีสติปัญญาลึกซึ้ง และสีเหลืองของเขาก็ไม่ได้สะท้อนถึงธรรมชาติของทองคำ แต่สะท้อนคุณค่าอันเป็นนิรันดร์ในตัวมัน เหมือนโลงศพของ King Tut

เรามาว่ากันถึงฝั่งจอมวายร้ายอย่าง Thanos บ้าง วายร้ายผู้รักสันโดษ?!?! คนนี้ เขาเองก็มีสีน้ำเงินและสีเหลืองเช่นกัน เขาแต่งตัวเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่และอาจต้องการชี้ให้เห็นว่าภัยคุกคามต่อฮีโร่ที่แท้จริงอาจต้องดูเหมือนเขา แต่การเผยผิวสีม่วงก็อาจจะเป็นอีกด้านของเขาที่แลดูเหมือนชนชั้นสูง และมีความสง่าผ่าเผย

ขบวนการเซนไต “ผู้นำ” ต้องสีแดง

เรามาว่ากันด้วยการ์ตูนฝั่ง “เอเชีย” กันบ้าง เมื่อการ์ตูนที่มีคาแร็กเตอร์โดดเด่นอย่างพวกกลุ่ม ขบวนการเซนไต หรือขบวนการห้าสี ต่างก็มีภาพจำที่พวกเราจำได้แม่น เมื่อพวกเขาเป็นวัยรุ่นรวมตัวกัน 5 คน และเมื่อแปลงร่าง ก็จะมี 5 สีที่แตกต่างกัน แต่ที่แน่ๆ “สีแดง” มักได้เป็นผู้นำของกลุ่ม เมื่อแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ตัวใหญ่ก็ได้บังคับอยู่ตรงกลาง ​ นอกเหนือจากเรื่องความหมายของสี ที่บ่งบอกว่า “สีแดง” แสดงถึงความมุ่งมั่น กล้าหาญ ความรวดเร็ว และ Passion แล้ว ในส่วนของผู้ชม “สีแดง” เป็นสีที่เด็กเห็น และจดจำได้ง่ายที่สุด รวมทั้งกระตุ้นสัญชาตญาณมากที่สุด ดังนั้นตัวเอกของการ์ตูนลักษณะนี้ จึงมีสีแดงเป็นสีหลักของคาแร็กเตอร์ และมีสีอื่นเข้ามาเป็นองค์ประกอบ

เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายมาเป็นส่วนหนึ่งของการ์ตูนที่ต้องจับกลุ่มเป้าหมาย “เด็ก” การถ่ายทอดผ่าน “สี” ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อที่เข้าใจได้ง่าย จึงเป็นเรื่องที่ผู้ออกแบบใส่ใจเป็นอย่างมาก เพื่อทำให้ผู้ชมเข้าใจคาแร็กเตอร์หรือนิสัยของตัวละครภายในไม่กี่นาทีแรก ดิสนี่ย์เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่จริงจังกับเรื่องนี้อย่างมาก

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทฤษฎีสีที่เราอาจเคยเรียนกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่มันเป็นเรื่องที่ใช้ได้ตลอดชีวิต และทฤษฎีที่เราคุ้นเคยแบบนี้ก็สร้างตัวละครที่เรารักและเกลียดให้มีชีวิตขึ้นมาได้มากมาย ซึ่งเราอาจสามารถเรียนรู้จากมันและนำมาปรับใช้กับงานที่ทำ หรือการสื่อสารผ่านสีในชีวิตประจำวันก็ไได้ประโยชน์ไม่น้อย

Source

 

อ่านเกม! เมื่อ DTAC ไม่ได้ขายแค่ “มือถือ”แต่ขาย “สกูตเตอร์ไฟฟ้า”ด้วยนะ

$
0
0

ดีแทค(DTAC) ขาย  “สกูตเตอร์ไฟฟ้า” ถ้าเป็นเมื่อ 10 ปีก่อน มีคนมาพูดให้ฟังแบบนี้เราคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ชั่วโมงนี้ในยุค Digital Disruption อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ เมื่อดีแทคบริษัทยักษ์ใหญ่โทรคมนาคม 1 ใน 3 รายของประเทศไทยได้ขยายธุรกิจสู่การเป็น เจ้าของแพลตฟอร์มยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle Connectivity Platform)

แพลตฟอร์ม EV จากเครือข่ายมือถือ 

คำว่าแพลตฟอร์ม(Electric Vehicle Connectivity Platform) ที่ว่านี้ มาจากเทคโนโลยีที่ ตัวสกูตเตอร์ไฟฟ้าสามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชั่น โดยสเปกเบื้องต้นของตัวสกูตเตอร์มีแบตเตอรี่ที่น้ำหนักประมาณ 9 กิโลกรัม สามารถวิ่งได้หลังชาร์จไฟเต็มๆ ราว 150 กิโลเมตร และสามารถชาร์จได้ตามจุดที่ชาร์จทั่วไป รวมทั้งสามารถนำเอาแบตเตอรี่ที่หมดแล้ว มาสับเปลี่ยนกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็ม ในจุดที่ดีแทคเตรียมไว้ให้บริการ ซึ่งในเบื้องต้นมีประมาณ 10 จุดในเขตกรุงเทพ ค่าบริการสามารถคิดรวมกับบิลค่าโทรศัพท์ของดีแทคได้เลย รวมทั้งแอฟพลิเคชั่นยังควบคุม หรือดูสเตตัสต่างๆ ของสกูตเตอร์ไฟฟ้านี้ได้อีกด้วย แน่นอนว่าที่ตัวสกูตเตอร์ก็ต้องใส่ซิมเช่นกัน

จึงนับว่ามูฟเมนต์นี้ของดีแทค เป็นการลุยเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนให้กับตัวเองและอุตสาหกรรม ซึ่งก็ต้องลุ้นอย่างหนักว่า ตัวดีไวซ์ รวมทั้งระบบแบบนี้จะตอบโจทย์คนไทย และเพิ่มฐานลูกค้าให้กับดีแทคหรือไม่

สถานการณ์และช่วงเวลาที่ต้องลุย! 

การที่ดีแทคบุกขยายธุรกิจใหม่อย่างเซอร์ไพร์สในครั้งนี้ นับว่าเป็นความกล้าหาญ แต่ดีแทคอยู่ในภาวะ ไม่มีอะไรจะเสีย ต้องเดินหน้าลุยลูกเดียว เมื่อ ดีแทค ซึ่งตอนนี้เป็นเบอร์ 3 ของตลาด แถมการแถลงผลประกอบการครั้งล่าสุด พบว่า ดีแทค ขาดทุน 4,368 ล้านบาท! (แถลงผลประกอบการขาดทุน แต่หุ้นดันขึ้นนะ) รวมทั้งคู่แข่งทั้ง 2 รายล้วนแล้วแต่เขี้ยวลากดินทั้งนั้น ดังนั้นการที่ดีแทคจะสู้ในเกมเดิมๆ ย่อมเป็นการยากที่จะพลิกสถานการณ์ขึ้นมาได้ สู้วัดดวงต่อยอดธุรกิจโดยอิงกับบริการเดิมของตัวเองจะดีกว่า

และช่วงเวลา(Timing) นี้ ที่ถือว่าเหมาะเจาะทีเดียว เมื่อผู้บริโภคกำลังตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อมสุดๆ จากปัญหาฝุ่น PM 2.5 ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle Connectivity Platform) ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษ ฝุ่นควันบนท้องถนนแบบนี้ ก็ดูจะตอบโจทย์ในกระแสดังกล่าว เมื่อควันพิษมาจากรถยนต์และรถจักรยานยนต์บนท้องถนนที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะควันพิษจากการใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์  และรถที่เสื่อมสภาพ โดย 50-60% เกิดจากควันดำจากการใช้รถยนต์ เป็นหนึ่งในต้นเหตุของปัญหาเลยทีเดียว

ดีแทค ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชนโดยระบุว่า วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ดีแทคจะเปิดตัวแพลตฟอร์มนี้อย่างเป็นรูปแบบและมีความชัดเจนมากขึ้น ภายในงาน ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2562 ที่บูทดีแทค ไบเทค บางนา ซึ่งก็มีเรื่องที่ต้องติดตามต่ออีกมาก เช่น พันธมิตรผู้ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีสกูตเตอร์ไฟฟ้า สเปกเครื่อง รวมทั้งรูปแบบการให้บริการทางการเงิน รวมทั้งจุดชาร์จแบตเตอรี่ของแพลตฟอร์มนี้ ฯลฯ

 

 

Buzzebees รุก Consumer Products ด้วยแพลตฟอร์ม Loyalty ครบวงจร [PR]

$
0
0
คุณณัฐธิดา สงวนสิน

ในยุคดิจิทัล หลายองค์กรต่างก็พัฒนานำนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาปรับใช้ในเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Product) ที่แบรนด์ต่างๆ เร่งหากลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ๆ ออกมาแข่งขัน รวมถึงทุ่มงบโฆษณาบนสื่อออฟไลน์และออนไลน์เพื่อมัดใจผู้บริโภคให้ซื้อสินค้าของตน ซึ่งการทำตลาดรูปแบบนี้ นักมาร์เก็ตติ้งจำเป็นต้องทุ่มงบการตลาดเพื่อโปรโมทแคมเปญในทุกๆ ครั้งอยู่ตลอดเวลา นับเป็นการสูญเสียงบประมาณมูลค่ามหาศาล

การทำแพลตฟอร์ม Loyalty Program จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจ Consumer Product เพราะจะทำให้   แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดย Buzzebees ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและได้พัฒนา Consumer Loyalty and Engagement Solution ให้กับธุรกิจนี้ ทำให้นักการตลาดสาย Consumer Product ได้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการที่แท้จริงของ End Consumer และ Dealer ในรูปแบบดิจิทัล

คุณณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (Buzzebees) กล่าวว่า “ จากที่ Buzzebees เป็นผู้ให้บริการด้าน Loyalty program ให้กับธุรกิจด้านประกัน สถาบันการเงิน และมีแผนขยายธุรกิจด้าน Consumer Product เนื่องจากพบว่าหลายแบรนด์เริ่มเข้าใจผู้บริโภครุ่นใหม่มากขึ้น ว่าต้องการสิ่งที่รวดเร็ว สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แบรนด์จึงต้องหันมาหากลยุทธ์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้โดนใจ คุ้มค่า แบรนด์จึงควรมีแพลตฟอร์มเป็นของตนเองเพราะจะช่วยให้เข้าถึงและเข้าใจถึงพฤติกรรมของลูกค้า เช่น ทราบว่าคนนี้ชอบซื้อสินค้าอะไร เวลาไหน ไม่ใช่เพียงแค่ฐานข้อมูลที่รู้เพียงชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ครอบครัวมีกี่คน รายได้เท่าไหร่ ในรูปแบบเดิมๆ อีกต่อไป”

นอกจากนี้ นวัตกรรมการพิมพ์โค้ดในรูปแบบต่างๆ บนแพคเกจจิ้ง สามารถตอบรับกับการสร้าง Loyalty Platform บนแพลตฟอร์มดิจิทัลของ Buzzebees ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้นักการตลาดสามารถเรียนรู้ได้ว่าใครเป็นกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง โดยที่แบรนด์ไม่จำเป็นต้องทุ่มงบการตลาดมหาศาลในทุกๆ ครั้ง ยกตัวอย่างกรณีที่  แบรนด์นั้นๆ มีแพลตฟอร์มฐานลูกค้ารวมถึงมีระบบสะสมแต้มเป็นของตนเอง และจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่และอยากให้ผู้บริโภคอยากทดลอง ก็สามารถกระตุ้นยอดขายผ่าน  Loyalty Program บนมือถือได้ อาทิ ถ้าผู้บริโภคซื้อสินค้าใหม่ ภายในเดือนนี้ก็จะได้รับแต้มสะสมมากถึง 3 เท่า เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษมากมาย และยังมีสิทธิ์ลุ้นเข้าชมคอนเสิร์ตค่ายดัง ฟรี! เป็นต้น ซึ่งระบบสามารถกำหนดเวลาตั้งให้แจ้งเตือนลูกค้าบนแพลตฟอร์มได้ หรือถ้าแบรนด์ต้องการกระตุ้นยอดขายในวันหรือช่วงเวลาที่ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า ก็ย่อมทำบนระบบแพลตฟอร์มมือถือได้เช่นกัน โดยระบบสามารถจะจัดเก็บบันทึกของพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นรายบุคคล เพื่อเชื่อมโยงกับการออกแบบแคมเปญในครั้งถัดๆ ไป เพื่อให้แบรนด์มีผลตอบรับที่ดียิ่งขึ้น

คุณณัฐธิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับปี 2562 นี้ Buzzebees มีแผนที่จะเปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับตลาด consumer product อย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มทยอยเปิดตัว platform ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2562 นี้เป็นต้นไป โดยจะเริ่มจาก Nestle และ Philips Lighting ซึ่งเป็น platform ที่พัฒนาบน LINE application ทำให้ใช้งานง่ายและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่ม โดยก่อนหน้านี้ Buzzebees ได้พัฒนาและออกแบบให้กับ A+ Genius Baby ของมี้ด จอห์นสัน และ Singha Rewards ของน้ำดื่มสิงห์ ซึ่งแคมเปญต่างๆ บนแพลตฟอร์มสามารถกระตุ้นยอดขายได้อย่างมาก”

สำหรับ Buzzebees เริ่มจาก Tech Startup ด้านแพลตฟอร์ม Loyalty Program ตั้งแต่ปี 2555 ปัจจุบันครองส่วนแบ่งการตลาดด้าน CRM Privilege บนมือถือมากกว่า 90% และมีลูกค้าระดับองค์กรกว่า 60 แห่ง อาทิ ซัมซุง, น้ำดื่มสิงห์, มี้ด จอห์นสัน, ทรู คอฟฟี่, เบอร์เกอร์คิง, บางจาก, ซิตี้แบงก์, กสิกรไทย, ไทยพาณิชย์, ทีเอ็มบี, เอสเอ็มอีแบงก์, กรุงไทยแอกซ่า, อลิอันซ์ อยุธยา, ธนชาตประกันภัย เป็นต้น รวมถึงได้ขยายตัวออกไปยังตลาดต่างประเทศ 9 ประเทศ ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย แอฟริกา กาน่า แคมมารูน และไอวอรี่โคสต์ และปัจจุบันได้ขยายโอเปอเรชั่นในตลาด AEC ใน 2 ประเทศ คือ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

เปิดดีล 6 พันล้าน Central ทุ่มซื้อหุ้น Grab เสริม Digital Platform ตั้งเป้า Delivery on Demand ส่งของภายใน 30 นาที

$
0
0

ลงทุนกันสนั่นเมืองเลยทีเดียว สำหรับกลุ่มเซ็นทรัล (Central Group) ที่ประกาศควักเงิน 6,000 ล้านบาท (200 ล้านเหรียญสหรัฐ) เข้าถือหุ้นใน “แกร็บ ประเทศไทย” (Grab Thailand) แบบไม่มีอำนาจควบคุม นัยว่าเพื่อต้องการส่งสัญญาณไปยังทุกภาคส่วนว่า ทั้งกลุ่มเซ็นทรัล และแกร็บ ต่างมีความตั้งใจจริงที่จะช่วยผลักดันประเทศไทยไปสู่ยุคดิจิทัลตามนโยบาย Thailand 4.0

โดยสิ่งที่คุณทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ได้กล่าวถึงการลงทุนครั้งนี้ว่า จากเดิมที่กลุ่มเซ็นทรัลอาจโดดเด่นแค่บน Physical Platform มาโดยตลอด การลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนเพื่อให้เกิดเชื่อมโยง Digital Platform ของ Grab และกลุ่มเซ็นทรัลเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้กลุ่มเซ็นทรัลทรานสฟอร์มตัวเองกลายเป็น “Central On Demand” และสร้าง Online Traffic มาเติมเต็มธุรกิจ แทนการฝากความหวังเอาไว้กับการดึงลูกค้าเข้าหาตัวห้างแต่เพียงอย่างเดียว

ขณะที่คุณญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ได้ยกตัวอย่างบริการที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ว่า มีใน 3 รูปแบบ นั่นคือ

  1. บริการส่งอาหารจากร้านอาหารและแบรนด์ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ผ่านบริการ GrabFood ที่ปัจจุบันเริ่มให้บริการแล้วในแอปพลิเคชันของ Grab โดยสามารถคลิกเข้าไปในแอปพลิเคชัน และเลือกร้านอาหารจากกลุ่ม CRG ได้เลย
  2. บริการลอจิสติกส์ เช่น การจัดส่งพัสดุออนดีมานด์และส่งพัสดุด่วนสำหรับธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัลและพาร์ทเนอร์ ผ่านบริการ GrabExpress (คาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาสแรกของปีนี้)
  3. บริการเดินทาง สำหรับ ลูกค้า แขกที่เข้าพัก และนักท่องเที่ยว ในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมในเครือบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งเริ่มใช้บริการได้แล้วเช่นกัน

โดยคุณณนน์ให้ความเห็นในส่วนนี้ว่า มันคือเกมการแข่งขันในโลกแห่งการเชื่อมต่อ (Hyper-connected) ที่แบรนด์ต้องหาทางเข้าถึงลูกค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ให้มากที่สุดที่จะทำได้ และผู้ที่จะชนะในการแข่งขันนี้ก็คือผู้ที่สามารถสร้างประสบการณ์ Online to Offline ได้อย่างไร้รอยต่อนั่นเอง

ที่สำคัญ ดีลครั้งนี้ ไม่เพียงสร้าง Online Traffic ให้กับกลุ่มเซ็นทรัล แต่ยังทำให้ทางกลุ่มเขยิบฐานะขึ้นไปเป็นผู้เล่นในตลาด Delivery on Demand ด้วย เพราะมีการตั้งเป้าในการจัดส่งไว้ที่ 30 นาที ไม่ว่าจะเป็นสินค้ากลุ่ม Food หรือ Non-Food ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากสำหรับธุรกิจค้าปลีก และที่มาของเป้าหมายนี้มาจากข้อมูลอินไซต์ที่ว่า ลูกค้าของห้างเซ็นทรัลสามารถเดินทางมาถึงห้างได้ภายใน 30 นาที ดังนั้น หากทางห้างฯ จะออกไปหาลูกค้า ก็ควรจะไปให้ได้ในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาทีเช่นกัน

3 ความท้าทายสู่ Central on Demand 

แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ง่าย เพราะถึงจะจับมือกับ Grab และหวังว่าการจัดส่งจะเร็วขึ้น แต่ในอีกด้านก็มีความท้าทายรออยู่เช่นกัน นั่นคือ จำนวนสาขาของธุรกิจในเครือเซ็นทรัล กับจำนวนจังหวัดที่ Grab เปิดให้บริการมีความเหลื่อมล้ำกันค่อนข้างสูง

โดยปัจจุบัน กลุ่มเซ็นทรัลมีธุรกิจในเครือทั้งห้างค้าปลีก และธุรกิจโรงแรม กระจายอยู่ในทุกจังหวัดของประเทศไทย  ขณะที่ Grab นั้น เปิดให้บริการแค่ใน 16 หัวเมืองใหญ่ของไทยเท่านั้น และตามการเปิดเผยของคุณธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ก็ระบุว่า Grab ยังไม่มีแผนจะขยายจังหวัดที่ให้บริการเพิ่มในตอนนี้แต่อย่างใด แต่จะโฟกัสการให้บริการในจังหวัดที่เปิดตัวแล้วให้เข้มข้นขึ้นมากกว่า

หรือในส่วนของการจัดส่งอาหารผ่าน GrabFood ก็มีความท้าทายเช่นกัน โดยหากจะจัดส่งภายในเวลา 30 นาทีจริง ๆ ทาง Grab และห้างเซ็นทรัลต้องมีการออกแบบกระบวนการทำงานใหม่ เช่น การจัดพื้นที่พิเศษขึ้นภายในห้าง เพื่อให้ทีมแกร็บเบอร์มารับอาหารจากทางห้างสรรพสินค้า และส่งให้ถึงมือผู้รับได้แบบ Seamless ไม่ใช่การผลักให้ไปจอดรวมกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปที่ไม่ใช่จุดรับส่งสินค้าที่สะดวกสบายนัก

ความท้าทายประการสุดท้าย อาจตกอยู่ที่ JD Central ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่กลุ่มเซ็นทรัลลงทุนร่วมกับทาง JD.com ไปเมื่อสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากการลงทุนใน Grab และการ Synergy บริการเข้าด้วยกันทำให้ห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัลสามารถจัดส่งสินค้าได้แบบออนดีมานด์ (ภายใน 30 นาที) ซึ่งรวดเร็วกว่าการจัดส่งของ JD Central และผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายอื่น ๆ อีกทั้งไม่จำกัดเฉพาะสินค้าประเภทอาหาร แต่ยังรวมถึงสินค้าในหมวด Non-Food ตามที่คุณทศ จิราธิวัฒน์ได้ระบุไว้ในงานแถลงข่าวด้วย ดังนั้น หากสามารถสั่งซื้อสินค้าจากห้างเซ็นทรัลได้โดยตรง และจัดส่งแบบออนดีมานด์ ก็อาจเป็นไปได้ที่กลุ่มเซ็นทรัลจะกลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซบ้านเราเลยทีเดียว

 

 

 

Alienware Experience Store เปิดแล้ววันนี้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ [PR]

$
0
0

เดลล์ ประเทศไทย จับมือ เจ.ไอ.บี. คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำผู้จัดจำหน่ายด้านไอทีชั้นนำของประเทศ เปิด Alienware Experience Store แห่งเดียวในประเทศไทย ณ ชั้น 4ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ภายในร้านพร้อมนำเสนออุปกรณ์ gaming ที่ครบถ้วนทั้งแล็บท็อป เดสก์ท็อป จอมอนิเตอร์ และอุปกรณ์เสริมสำหรับการเล่นเกมแบบครบครันทั้งพรีเมี่ยมแบรนด์อย่าง Alienware ตลอดจนถึง Dell G Series แล็ปท็อปเกมมิ่งความแรงสูงในราคาที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้

“Alienware Experience Store ที่เปิดตัวในวันนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายและกลยุทธ์ด้าน go-to-market ของเรา ที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงความพร้อม และความครบถ้วนสมบูรณ์ของโซลูชันทางด้านเกมที่พร้อมให้ลูกค้าของเราได้สัมผัสประสบการณ์ตรงกับสมรรถนะและประสิทธิภาพของอุปกรณ์และดีไวซ์ด้าน Gaming ทั้งของ Alienware และเดลล์ ได้โดยตรง” นายอโณทัย เวทยากร รองประธานบริหาร เดลล์ อีเอ็มซี ตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชีย และธุรกิจคอนซูเมอร์ภูมิภาคเอเชียใต้ กล่าว “ไม่เพียงแค่มอบความสะดวกสบายให้กับกลุ่มเกมเมอร์มืออาชีพ และผู้เล่นเกมทั่วไปในการเลือกซื้ออุปกรณ์เกมที่ทันสมัย เรายังตั้งใจให้ Alienware store แห่งนี้รองรับความต้องการของกลุ่มคนทำงานมืออาชีพด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบ นักสร้างสรรค์งานกราฟิค หรืออื่นๆ ที่มองหาดีไวซ์ประสิทธิภาพสูงในการทำงาน ได้มาลองสัมผัสการทำงานของ Alienware ได้โดยตรงอีกด้วย ขณะเดียวกัน ที่นี่ยังแบ่งพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เพื่อประสบการณ์การใช้งาน อาทิ โซน VR ที่พร้อมมอบประสบการณ์การดื่มด่ำเข้าสู่โลกของ virtual reality อย่างสมจริงอีกด้วย”

ทั้งนี้ ภายใน Alienware Experience Store แบ่งออกเป็น 5 โซน ได้แก่ 1) VR Real Experience เพื่อประสบการณ์ที่จะดึงผู้เล่นให้ดื่มด่ำพร้อมเปิดสัมผัสเข้าสู่โลกของ virtual reality อย่างน่าตื่นเต้น 2) Timeless eSports โซนที่พร้อมให้เกมเมอร์หรือนักกีฬาอีสปอร์ตเข้ามาแสดงฝีมือ โชว์สกิลกับเกมยอดนิยมตลอดกาลอย่าง FIFA LOL DOTA2 แบบ Classic 3) Masterpiece Extreme Performance โซนที่เน้นแสดงประสิทธิภาพความแรงสูงของ Alienware ผ่านโปรแกรมการสร้างสรรงานด้านกราฟิคต่างๆ เพื่อกลุ่มคนมืออาชีพได้มาสัมผัสและทดสอบความแรงของเครื่องเพื่อการใช้งาน 4) Alienware Sound Station โซน เพื่อรองรับผู้ใช้เครื่องในแนวเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่โชว์เคสทั้งคุณภาพเสียงและแสงจาก AlienFX Lighting โดยเฉพาะ 5) Alienware Command Center โซนเพื่อช่วยในการปรับแต่งลูกเล่นของตัวเครื่อง ให้เข้ากับความต้องการ และเอกลักษณ์ของลูกค้าแต่ละบุคคล

Alienware Experience Store เปิดให้บริการแล้ว ณ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่เวลา 10:00 น. จนถึง 22:00 น. ทุกวัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชั่น และอื่นๆ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ Dell Thailand Facebook


แจกแล้ว! ธนชาตมอบรางวัลใหญ่ “รถยนต์ –มอเตอร์ไซค์” ลูกค้าสินเชื่อรถยนต์แคมเปญ “โชคหล่นทับ ลุ้นรับมาสด้า 2” [PR]

$
0
0

นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล รองกรรมการผู้จัดการธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจขนาดเล็ก ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) มอบรางวัลใหญ่ในแคมเปญ “โชคหล่นทับ ลุ้นรับมาสด้า2” ให้กับลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ผู้โชคดีที่สมัครบัตรเดบิตและบริการหักบัญชีอัตโนมัติ (ATS) หรือ Thanachart Connect โมบายแอพของธนาคาร โดย นายณัฎฐพัชร์ เหลืองประดิษฐ์ รับรางวัลรถยนต์มาสด้า 2 มูลค่า 530,000 บาท และ นายวิชัย พันธุ์ชาติ รับรางวัลรถจักรยานยนต์ Yamaha Fino 125 มูลค่า 46,000 บาท โดยพิธีมอบจัดขึ้น ณ ธนาคารธนชาต สาขาสวนมะลิ เมื่อเร็วๆ นี้

ผู้สนใจสมัครสินเชื่อรถยนต์ธนชาตสอบถามเพิ่มเติมที่ธนาคารธนชาตทุกสาขา โทร. 1770 หรือ www.thanachartbank.co.th และ https://www.facebook.com/ThanachartAuto

บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ [PR]

$
0
0

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC นำโดย ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานคณะกรรมการ พร้อมด้วย นายสดาวุธ เตชะอุบล (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้ถือหุ้นของเอ็มเอฟซี และกรรมการบริษัท ประกาศแต่งตั้ง มร. เดนนิส ชอง บุน ลิม (Mr. Dennis Chong-Boon Lim) (ที่ 4จากซ้าย) ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)

เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทที่มีบทบาทสำคัญระดับภูมิภาคในอุตสาหกรรมการจัดการลงทุน โดยจะปฏิบัติหน้าที่และรับผิดชอบการทำงานร่วมกับ นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ คนปัจจุบัน ซึ่งจะรับผิดชอบดูแลสายงานการตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจนกว่าจะครบเกษียณอายุงานในปี 2562 ในขณะที่ มร.ลิม จะรับผิดชอบดูแลสายงานอื่นๆ ทั้งหมด

เอ็มเอฟซีเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานที่สุดในประเทศไทย โดยก่อตั้งในปี 2518 ด้วยความร่วมมือระหว่างบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation หรือ IFC) และรัฐบาลไทย ปัจจุบัน เอ็มเอฟซีเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในอุตสาหกรรมการจัดการลงทุนไทย

The Original SOL พลิกโฉมทำตลาดยุค 4.0 โมเดลการตลาดยุคใหม่ T.H.E.M. สู่ eMarket Place ดันสินค้าไทยสู่ตลาดโลก [PR]

$
0
0

The Original SOL พลิกโฉมการทำตลาดยุค 4.0 สร้างโมเดลการตลาดยุคใหม่ “T.H.E.M.” ประกาศทิศทางธุรกิจ รองรับผู้บริโภคศตวรรษที่ 21 ทุ่มงบพัฒนาแพลตฟอร์มการตลาด O2O SOLutions กว่า 10 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโต 3 เท่าในปีนี้ ชี้ปัจจัยขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ทุกเพศทุกวัย และเทคโนโลยีช่วยสนับสนุนนักธุรกิจ เตรียมต่อยอดปั้น eMarket Place สัญชาติไทยเพื่อเป็นเครื่องมือ สำหรับกลุ่มสินค้าไทยให้เติบโตและขยายสู่ตลาดโลก พร้อมลงทุนสร้าง iSpace ต้นแบบศูนย์การเรียนรู้และสร้างอาชีพยุคดิจิทัลกลางใจเมือง

นายเอื้ออารี ต่อเนื่อง CEO The Original SOL องค์กรแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี ผู้นำด้านนวัตกรรมการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านความงามและการดูแลสุขภาพ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจที่เข้มข้นและรูปแบบการทำตลาดในยุคดิจิทัลที่ต้องตอบโจทย์และเข้าถึงกลุ่มลูกค้า The Original SOL เป็นหนึ่งองค์กรที่ให้ความสำคัญในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และการทำตลาด ล่าสุดได้สร้างโมเดลการตลาดยุคใหม่ เรียกว่า T.H.E.M. (The Harmonized & Empowered Marketing) ที่ผสมผสานจุดแข็งของการตลาดทุกรูปแบบ เช่น การตลาดออนไลน์ การตลาดแบบตัวแทน หรือ Affiliate การตลาดแบบ Word of Mouths
Marketing หรือ Viral Marketing ซึ่งในอนาคตจะขยายสู่โมเดิร์นเทรดกับเจาะไปกลุ่มธุรกิจสปาและกลุ่มรักสุขภาพ

นอกจากนี้ยังมี O2O Super System เป็นระบบขับเคลื่อนและช่วยพัฒนาองค์กรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้ง
O2OSOLutions ซึ่งเป็น Digital Marketing Intelligence Platform โดยใช้งบพัฒนาประมาณกว่า 10 ล้านบาท ที่จะเป็นมีเครื่องมือสำคัญบุกตลาดออนไลน์ที่มีกว่า 50 เครื่องมือให้ใช้ฟรีเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ eMarket Place และยังเป็น Super Affliliate ที่กระจายรายได้ให้ตัวแทนหลายระดับได้ทั่วโลกและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคยุคศตวรรษที่ 21 ที่มีไลฟ์สไตล์และรับการสื่อสารผ่านออนไลน์

“แพลตฟอร์ม O2O เป็นเว็บอี-คอมเมิร์ซ ที่มีระบบการสั่งซื้อสินค้าและจัดส่งอัตโนมัติให้ตัวแทนขยายตลาดออนไลน์ได้ทันที โดยไม่ต้องสต็อกสินค้ามีหน้าร้านออนไลน์อัจฉริยะให้ใช้ฟรี และยังมีระบบในการควบคุมและ Tracking การเข้าเยี่ยมชมร้านค้าและสั่งซื้อสินค้าไปว่ามีจำนวนเท่าไหร่ อีกทั้งระบบซัพพอร์ทที่รวบรวมรีวิวของผู้ใช้สินค้าจริงอีกด้วย และยังนำ AI เสริมทัพให้เป็นเครื่องมือทำการตลาดออนไลน์แบบอัตโนมัติและสามารถค้นหาลูกค้าจากเฟซบุ๊ค เสมือนเป็นผู้ช่วยในการพัฒนาและดูแลธุรกิจแบบ 24 ชั่วโมง พร้อมนำไปวิเคราะห์ข้อมูลจาก Big Data ออกมาเป็นรีพอร์ตเพื่อนำไปใช้ต่อยอดในการทำตลาดต่อไป”

พร้อมเตรียมแผนนำ Digital Marketing Intelligent Platform มาต่อยอดขยายการทำตลาดสร้าง eMarket Place สัญชาติไทยที่สามารถนำสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์เข้ามาจำหน่ายในแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งเราได้เตรียมโครงสร้างพื้นฐานไว้เสร็จหมดแล้ว อาทิเช่น E-Commerce Web และ ระบบ Super Affliliate ซึ่งระบบนี้จะเป็นเหมือนตัวแทนการขายจากอีเบย์หรือ อมีซอน แต่จะมีความพิเศษคือจะเครื่องมือที่สมาชิกเป็นตัวแทนการขายได้
โดยมีการทำเว็บไซต์ให้กับสมาชิกแต่ละคนและยังสามารถสร้างเพิ่มต่อๆกันไป เพื่อเป็นหน้าร้านของแต่ละสมาชิก โดยมีเครื่องมือ Ai เป็นตัวช่วยทำการตลาด ในปีที่ผ่านมา The Original SOL มีการเติบโตประมาณ 300%
โดยในปี 2562 ตั้งเป้าโตขึ้นอีก 3 เท่า ปัจจัยสำคัญที่เป็นส่วนขับเคลื่อนธุรกิจของ The Original SOL คือ
การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ทุกเพศทุกวัยและเทคโนโลยีช่วยสนับสนุนนักธุรกิจโดยสร้างเครื่องมือทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่จะช่วยสนับสนุนให้นักธุรกิจประสบความสำเร็จถึง 1,000 คน นอกจากนี้ยังลงทุนสร้าง iSpace ต้นแบบศูนย์การเรียนรู้และสร้างอาชีพยุคดิจิทัล ได้แก่ หลักสูตรออนไลน์ Digital Marketing, หลักสูตรสวยสั่งได้ด้วยปลายนิ้ว Beauty Workshop, หลักสูตรกดจุดสะท้อนเท้าสแกนสุขภาพ Healthy Scanner เป็นต้น

อีกทั้งยังสามารถชำระค่าสินค้าผ่านระบบ QR Payment และจองหลักสูตรการเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ ยังเตรียมขยายเป็นศูนย์การเรียนรู้ประจำจังหวัดและเปิดตัว LifeX Shop ศูนย์สุขภาพประจำอำเภอ ปูพรมทั่วประเทศ ดร.เสนีย์ สุวรรณดี ประธานผู้ก่อตั้ง The Original SOL กล่าวเสริมว่า ในปีที่ผ่านมา The Original SOL บริษัทสัญชาติไทยที่ได้รับรางวัลนวัตกรรม จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ ทางด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และเตรียมจัดทำโครงการจัดอบรมและส่งเสริมการสร้างอาชีพด้านความงามและสุขภาพ โดยจัดงาน New Era (Soft Launch Opening)​ ซึ่งเป็นมหกรรมงานแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์​และโชว์ผลลัพธ์​ทางธุรกิจ พร้อมอวดโฉมแพลตฟอร์มอัจฉริยะ O2O SOLutions บุกตลาดออนไลน์สร้างอาชีพให้คนไทยยุคดิจิทัลได้ใช้ฟรี!! ในวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรีได้ที่ https://goo.gl/forms/DSzhsx0sO5n5A19H2

ฟิลิปส์ เปิดตัว Tempus ALS เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าและการติดตามสัญญาณชีพผู้ป่วยขั้นสูง เครื่องแรกในโลกที่ผ่านมาตรฐานทางการทหาร [PR]

$
0
0

บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพ เปิดตัวนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ ‘Philips Tempus ALS’ เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าขนาดเล็กที่มาพร้อมจอติดตามสัญญาณชีพประสิทธิภาพสูงครั้งแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการจัดเก็บ วิเคราะห์ และส่งต่อข้อมูลแบบเรียลไทม์จากจุดเกิดเหตุไปยังโรงพยาบาลพร้อมฟีเจอร์หัวตรวจอัลตร้าซาวน์ ออกแบบมาเพื่อให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินแบบครบวงจรก่อนถึงโรงพยาบาล
จากสถิติพบผู้ป่วยฉุกเฉินในประเทศไทยเกือบ 1.7 ล้านรายต่อปี โดยร้อยละ 7 ของผู้ป่วยฉุกเฉินมีความเกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และกว่าร้อยละ 16 ของผู้ป่วยฉุกเฉินทั้งหมด จำเป็นต้องใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าเข้าช่วยเหลือ 1 ซึ่งการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานด้วยการปั๊มหัวใจ (CPR) ร่วมกับการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) กำลังเป็นที่แพร่หลายในหมู่ประชาชน แต่อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วยให้กับแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องกระตุกหัวใจของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ออกไปช่วยผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ

นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฟิลิปส์ ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ที่สามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็มีการให้ความรู้และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานและการอบรมการใช้เครื่อง AED ซึ่งตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขให้เครื่อง AED เป็นอุปกรณ์การปฐมพยาบาลเบื้องต้น บุคคลทั่วไปแม้ไม่ใช่บุคคลากรทางการแพทย์ก็สามารถใช้ได้ถ้าได้รับการฝึกฝนมาทำให้สามารถเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตให้มากขึ้น และในวันนี้
เราจึงพร้อมแนะนำเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง สำหรับแพทย์และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล

‘Philips Tempus ALS’ ที่เรียกได้ว่าพลิกโฉมวงการด้วยฟังก์ชั่นการจัดเก็บ วิเคราะห์และส่งต่อข้อมูลแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และส่งผลให้การช่วยชีวิตผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเรารู้ดีว่าหากมีการปฏิบัติการช่วยชีวิตที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยจะมีโอกาสการรอดชีวิตสูงถึง 40%” Philips Tempus ALS
ชูจุดเด่นด้านการส่งต่อข้อมูลจากจุดเกิดเหตุไปยังแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อเตรียมความพร้อม ในการรับผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารักษา ด้วยเทคโนโลยี ReachBak TM ที่ให้การส่งต่อข้อมูลเป็นแบบเรียลไทม์ และสามารถส่งต่อข้อมูลได้ทั้งภาพและเสียง

นอกจากนี้ Philips Tempus ALS ยังมาพร้อมจอติดตามสัญญาณชีพประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมเทคโนโลยี SroC TM เพื่อช่วยในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพและสามารถเชื่อมต่อได้กับทุกอุปกรณ์ และยังมาพร้อมออพชั่นหัวตรวจอัลตร้าซาวน์ให้เจ้าหน้าที่สามารถวิเคราะห์อาการผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Philips Tempus ALS เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าที่มาพร้อมจอติดตามสัญญาณชีพขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบาจึงสะดวกสบายต่อเจ้าหน้าที่ในการขนย้ายและนำออกไปใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยนอกสถานที่

“เนื่องจากตลาดเครื่องมือแพทย์ในกลุ่มการแพทย์ฉุกเฉินมีการเติบโตควบคู่กับความต้องการในการพัฒนาเครื่องมือการช่วยชีวิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินในยามวิกฤติมีความสำคัญอย่างยิ่ง ฟิลิปส์จึงได้นำเสนอนวัตกรรมอันทรงคุณค่านี้เพื่อเสริมทัพพอร์ทโฟลิโอนวัตกรรมในกลุ่มการแพทย์ฉุกเฉิน (Emergency Care and Resuscitation) ให้แข็งแกร่งและโดดเด่นจากอัตราการเติบโตของตลาดเครื่องมือแพทย์ในกลุ่มการแพทย์ฉุกเฉินในปี 2018 ที่มีอัตราการเติบโตถึง 15% เราเชื่อมั่นว่านวัตกรรมใหม่นี้ควบคู่กับความเข้มแข็งในการจับมือกับคู่ค้าของฟิลิปส์ จะช่วยผลักดันให้เราเติบโตในธุรกิจได้อย่างมั่นคงและครองความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องมือแพทย์ได้อย่างยั่งยืน” นายวิโรจน์ กล่าวสรุป

มั่งมีปีหมูทอง จ่ายไหว้กิน รับตรุษจีน กับบัตรเครดิตกรุงศรี [PR]

$
0
0

“จ่าย ไหว้ กิน รับตรุษจีน กับบัตรเครดิตกรุงศรี” บัตรเครดิตกรุงศรี ชวนสมาชิกบัตรฉลองตรุษจีน รับปีหมูทองกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ “จ่ายไหว้กินกับบัตรเครดิตกรุงศรี” ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 พร้อมเอาใจขาช้อป มอบส่วนลดและเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 17% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ บลูพอร์ต, เซ็นทรัล, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, พารากอน, โรบินสัน, สยามทาคาชิมายะ, เดอะมอลล์ และเซน ช้อปของไหว้สุดคุ้มรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% ทุกศุกร์-อาทิตย์ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำที่ร่วมรายการ

และสำหรับสายกิน ฟินกับแคมเปญ “กิน รูด รับ” รับคุ้ม 2 ต่อ คือ ต่อที่ 1 รับส่วนลดสูงสุด 20% และต่อที่ 2 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 600 บาท เมื่อทานอาหารครบ 1,000 บาทขึ้นไป ต่อเซลล์สลิปที่ร้านอาหารชื่อดังกว่า 530 สาขาทั่วประเทศ รายละเอียดเพิ่มเติม www.krungsricard.com

กด Skip ข้ามโฆษณาไม่ได้อีกแล้ว เมื่อสตาร์ทอัพรัสเซียคิดการใหญ่ ฉายโฆษณาจากอวกาศ

$
0
0

StartRocket เป็นกิจการสตาร์ทอัพสัญชาติรัสเซียที่มีเป้าหมายในการฉายโฆษณาในอวกาศที่จะทำให้ผู้จากทั่วทุกมุมโลกมองเห็น(The Orbital Display) ถือเป็นครั้งแรกของการทำการค้าผ่านอวกาศของมวลมนุษยชาติ ซึ่งทางบริษัทคาดว่าจะทำได้สำเร็จภายในปี 2021

โฆษณาที่จะฉายนั้นเป็นการนำเอาดาวเทียมเล็กมาเรียงตัวกัน แต่ละดวงประกอบด้วยแผ่นสะท้อนแสงอาทิตย์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ประมาณ 10 เมตร โคจรรอบโลกในระดับความสูงประมาณ 450 กิโลเมตร และสะท้อนแสงอาทิตย์จากกระจกแผ่นใหญ่เพื่อแสดงเป็นโฆษณาบนพื้นโลกและมองเห็นได้ชัดเจนในตอนกลางคืน

ซึ่งจากรายการ MACH ทางช่อง NBC’s News กล่าวว่า StartRocket มีตัวอย่างของดาวเทียม ‘cubesat’ แล้ว และขั้นตอนการทดลองใช้งานช่วงแรกจะสามารถเริ่มทดสอบจริงในปี 2020 แม้ว่ายังไม่มีรายละเอียดว่าใครคือลูกค้า และ ราคาค่าโฆษณาจะเป็นเท่าไหร่ หรือ จะนำดาวเทียมพวกนี้ขึ้นไปในอวกาศได้อย่างไร Sitnikov ซีอีโอของบริษัท กล่าวว่า ‘cubesats’ จะสามารถอยู่ในวงโคจรได้ 1 ปี หลังจากนั้นดาวเทียมโฆษณานี้จะตกลงมาในชั้นบรรยากาศและตกลงสู่พื้นโลกในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ไอเดียสำหรับสื่อโฆษณาใหม่นี้ไม่ได้เป็นที่ยอมรับมากนัก John Crassidi อาจารย์มหาวิทยาลัยจาก Buffalo ในด้านวิศวกรรมเครื่องกลและอวกาศยาน กล่าวกับ MACH ว่า นี่จะเป็นการเพิ่มจำนวนของขยะอวกาศจากตอนนี้ที่มีดาวเทียมที่ยังใช้งานอยู่กว่า 1,400 ดวงรอบโลก และ เสริมว่า ‘cubesats’ ไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้เลยนอกจากโฆษณา นับว่าเป็นความน่าเสียดายมากกับเงินที่จะต้องลงทุนไป ดังนั้น โดยส่วนตัวเขายังไม่สนับสนุนไอเดียนี้

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอวกาศ Joanne Gabrynowicz อดีตอาจารย์จาก University of Mississippi อธิบายว่า StartRocket จะเจอแรงต่อต้านอย่างมหาศาลจากชุมชนนักดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งดาวเทียมในลักษณะนี้อาจจะมารบกวนงานวิจัยเกี่ยวกับท้องฟ้าของโลกอย่างแน่นอน

แต่ซีอีโออย่าง Sitnikov กล่าวอย่างหนักแน่นว่า คนที่ไม่ชอบยังไงก็จะไม่ชอบพวกเรากำลังพัฒนาสื่อใหม่ ในช่วงต้นของโทรทัศน์ ก็ไม่มีใครชื่นชอบ(โฆษณา) ทั้งนั้น

ในส่วนของกฏหมายนั้น ที่สหรัฐฯ จะมีกฏว่าด้วยการห้ามสถานีอวกาศเกี่ยวข้องกับการค้าตั้งแต่ปี 1993 แต่กฎหมายลักษณะดังกล่าวไม่มีในรัสเซีย

ลองคิดตามดู หากเมื่อไหร่ที่ออกไปดูดาวตอนกลางคืน แล้วเห็นข้อความอย่าง Sponsored by KFC หรือ เมื่อกำลังเกิดสุริยุปราคา แล้วขึ้นข้อความข้างๆ ว่า Brought to you by Coca-Cola เราจะรู้สึกอย่างไรดีนะ??? แต่ที่แน่ๆ โฆษณาซูเปอร์โบล์ที่ว่าแพงๆ คงต้องหลบไปเลย เมื่อเจอ “โฆษณาบนอวกาศ” แบบนี้

Source

อย่าเผลอกินเข้าไปเชียวละ! Etude x Kitkat เปิดตัว พาเลท Eye Shadow แรงบันดาลใจจากช็อกโกแลต

$
0
0

นับว่าเป็นการฟีเจอร์ริ่งข้ามสายพันธุ์ธุรกิจที่แสนจะหอมหวาน เมื่อ Beauty Brand จากเกาหลีใต้อย่าง Etude House จับมือทำ Brand Collaboration กับช็อกโกแลตยี่ห้อดัง Kitkat ดีไซน์พาเลท Eye Shadow โดยดีไซน์ของกล่อง รวมทั้งเฉดสีที่จำหน่ายได้แรงบันดาลใจมาจากช็อกโกแลตแบรนด์ดัง ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

สำหรับความร่วมมือดังกล่าว ออกมาในรูปของโปรดักท์ 2 คอลเลกชัน กล่องสีแดงเรียกว่า “Original” มีเฉดสีให้สาวๆ ได้เลือก 6 สี ในกลุ่มสี warm และ neutral ซึ่งเป็นโทนสีช็อกโกแลตนมที่ราเคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ส่วนสีชมพูมีชื่อน่ากินว่า “Strawberry Tiramisu” สีจะคูลและสดใสกว่า โดยทั้งสองสีนี้วางขายในราคา 24 เหรียญสหรัฐ

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

. [ETUDE HOUSE] Play Color Eyes Mini Kit #KitKat Original & Strawberry Tiramisu🍫 . The special set consists of Play Color Eyes Mini, soft velvety KitKat pouch, and sweet KitKat original chocolate🍩 . 💘에뛰드하우스 X 킷캣의 달콤한 콜라보레이션💘 . #플레이컬러아이즈미니와 귀여운 #킷캣 파우치, 달콤한 킷캣 초콜릿까지 함께 즐길 수 있는 발렌타인데이를 위한 특별한 기획세트❣ . 에뛰드하우스만의 리미티드 컬렉션을 지금 만나보세요✨ . [플레이컬러아이즈 미니 키트] 플레이컬러아이즈미니 킷캣 오리지널or스트로베리티라미수 ➕ 킷캣 파우치 ➕ 킷캣 오리지널 초콜릿 ➡ 20,000원

โพสต์ที่แชร์โดย 에뛰드하우스 공식 계정입니다. (@etudehouseofficial) เมื่อ


ปีที่แล้ว Etude House ประสบความสำเร็จกับโปรเจ็กท์ที่ปรับโฉมสินค้าและแพ็กเกจจิ้งของตัวเองให้กลายเป็นของกินมาแล้ว โดยส่งคอลเลกชัน Soft Drink Tink มาจูงใจสาวๆ ให้เลือกซื้อ ซึ่งดูเหมือนว่าการผสานเอา Passion ของทั้ง “ของหวาน” และ “เครื่องสำอาง” มาไว้ด้วยกันอย่างน่ารัก จะโดนใจกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์

และสำหรับแบรนด์ Etude House แล้วละก็การออกแบบแพ็กเกจจิ้ง เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้แบรนด์กระชากเงินออกจากกระเป๋าของสาวๆ เลยทีเดียวแหละ และงานนี้ไม่ได้โดนใจแค่คนเอเชียซะด้วย สำหรับคอลเลกชันที่ร่วมมือกับ Kitkat นี่ วางจำหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ในสหรัฐอเมริกาได้ไม่นานก็ Sold Out เป็นที่เรียบร้อยไปเลยจ้าาาา


งานเข้า! Fiji Water Girl จอมขโมยซีนจากลูกโลกทองคำ ฟ้องแบรนด์ที่เอารูปเธอไปใช้

$
0
0

กลายเป็นเรื่องฮาที่ขำไม่ออกซะแล้ว เมื่อสาว Fiji Water Girl ที่โด่งดังไปทั่วโลกเมื่อเดือนที่แล้ว จากการที่เธอ Photobomb ป้วนเปี้ยนแถวๆ แบ็กดร็อปถ่ายภาพของเหล่าดาราฮอลลีวู้ดในงานประกาศผลรางวัล Golden Globe ปี 2019 ที่ผ่านมา จนกลายเป็นกระแสที่หลายคนได้เห็นเธอรวมทั้งโปรดักท์ที่เธอถืออยู่ในมือ และพูดถึงแบรนด์น้ำแร่ Fiji อย่างกว้างขวาง

แต่ในตอนนี้ สาวน้อย Fiji Water Girl หรือที่มีชื่อจริงว่า Kelly Steinbach นางแบบที่ถูกจ้างมาให้ถือถาดที่มีขวด Fiji วางอยู่  กำลัง “ฟ้องร้อง” แบรนด์ ด้วยข้อหาว่าใช้รูปของเธอในสื่อโฆษณาและเกินขอบเขตการว่าจ้าง “the unauthorized use of [Fiji Water Girl’s] photograph, likeness, and identity.” นี่คือข้อความที่ใช้ในศาล เหตุผลที่เธอฟ้องร้อง ก็เพราะตอนนี้ Fiji ได้ใช้รูปเธอเป็นส่วนสำคัญในการทำแคมเปญทั่วโลกโดยที่เธอไม่ได้รับเงินค่าจ้างเพิ่ม และเอกสารที่เซ็นน่าจะเป็นเอกสารปลอม (Fake Document) 

ในขณะเดียวกันภาพลักษณ์และเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในอีเว้นท์ดังกล่าวก็ส่งให้เธอดังเป็นพลุแตก และดูเหมือนว่าหลายคนจะชอบเธอในบทบาทดังกล่าวซะด้วย เช่น การที่มีแบรนด์อื่นๆ มาจ้างเธอให้โพสต์รูป “ถือถาดสินค้า” ลุคเดียวกับที่เธอปรากฏตัวในแคมเปญของ Fiji

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

Now serving @stellaandchewys #pablolovesit #stellaandchewys #ad

โพสต์ที่แชร์โดย Kelleth Cuthbert (@kellethcuthbert) เมื่อ

ทางด้าน โฆษกของแบรนด์ Fiji ก็ออกมากล่าวว่า “นี่เป็นการดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างไรความปราณี หลังจากงานลูกโลกทองคำ ที่เกิด Social Media Moment ขนาดนั้น เราได้ทำข้อตกลงที่ใจกว้างกับเธอแล้ว ขณะที่เธอได้กระทำการละเมิดอย่างโจ้งแจ้ง”

“เรามั่นใจว่าเราจะเหนือกว่าในศาล ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า เวลาที่เราทำงานกับทาเลนต์ทั้งหลาย เรามีชื่อเสียงที่ดีในเรื่องผลตอบแทน”

คอมเมนต์ของ “ชาวเน็ต” ในเว็บไซต์ต่างประเทศมองทั้งสองด้าน ส่วนหนึ่งมองว่าเธอควรได้ค่าตอบแทนเพิ่มเติม แบรนด์กำลังเอาเปรียบนางแบบรายนี้ แต่ส่วนหนึ่งก็เชื่อว่าข้อตกลงน่าจะครอบคลุมตั้งแต่ทีแรกแล้ว

Source

มิติใหม่วงการโฆษณา AirAsia ทำ “เพลงลูกทุ่ง”คนหน้าเย็นที่เป็นห่วงเธอ

$
0
0

“เคยมั้ยทำดีแทบตาย…. สุดท้ายเป็นได้แค่นางร้ายในสายตาเธอ” นี่คือคำโปรยแสนเศร้าในบทเพลง “คนหน้าเย็นที่เป็นห่วงเธอ” ถ้าอ่านแค่นี้คงจะคิดว่าบทความนี้เรากำลังพูดถึงนักร้องหน้าใหม่สักคน แต่ความจริงแล้ว นี่คือเพลงลูกทุ่งจาก AirAsia ไม่ต้องตกใจไปว่า AirAsia รุกธุรกิจใหม่ทำค่ายเพลงแล้วหรือยังไง เพราะนี่เป็นแค่ “โฆษณา”

เพราะเมื่อฟังเนื้อเพลงจริงๆ แล้วจะพบว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “ใส่ใจมากกว่าที่เห็น” ที่แอร์เอเชียพยายามทำมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ในบทเพลงพรรณนาถึงความขมขื่นของสาวแอร์เอเชียที่ถูกต่อว่า พร้อมทั้งอธิบายว่าต้องมีที่กฎเกณฑ์มากมายก็เพราะ “ความปลอดภัย” และแอร์เอเชีย “แคร์” ลูกค้า

จุดเด่นก็อยู่ที่ความฮา เมื่อ Execution ในการปล่อยเพลงละม้ายคล้ายคลึงกับขั้นตอนการปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ของนักร้องลูกทุ่งจริงๆ ทั้งวิธีการจัดวางภาพ ฟ้อนต์ แค่อินโทรขึ้นก็ตั้งใจใช้เครื่องเป่าเต็มๆ เรียกความสนใจกลิ่นอายลูกทุ่งแท้ และไทม์ไลน์การปล่อย ที่เผยแพร่เวอร์ชั่นเพลงกับเนื้อร้องออกมาก่อนที่จะมี MV จริงๆ  ซึ่งตอนนี้เราก็รอดูอยู่ว่า MV เต็มๆ จะเป็นยังไง “เพลงลูกทุ่ง” อยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน ยิ่งในกลุ่มเป้าหมายระดับแมส การเลือกแนวทางนี้ของแอร์เอเชียนับว่าโดน! และ ได้! จริงๆ

ธุรกิจ Low cost Airlines ในระยะหลังทำให้ผู้คนเข้าถึงการเดินทาง และเปิดเส้นทางใหม่ๆ มากขึ้น แต่ผลที่ตามมาก็คือ เราเห็นกระทู้หรือสเตตัสบ่นจากผู้โดยสาร ซึ่งบางทีก็เป็นความเข้าใจผิดของผู้โดยสารเอง แต่หลายครั้งก็มาจากการบริการของพนักงาน การส่งแคมเปญอย่างต่อเนื่องของแอร์เอเชีย น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับ นักการตลาด และผู้ที่วางแผนกลยุทธ์ เพราะสิ่งที่แอร์เอเชียกำลังทำ คือการแก้ไขที่ความเข้าใจ ทัศนคติของลูกค้า ที่มองว่าบริการของสายการบินลักษณะนี้ห่วย! โหด! นอกเหนือจากการปรับบริการและสินค้าของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ แล้ว การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นหน้าที่ของ “การสื่อสารการตลาด” เพื่อทำให้เกิด Brand Love ให้ได้ ซึ่งการเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อแบรนด์ใหญ่ เป็นโจทย์หินซะเหลือเกิน เชื่อว่าแอร์เอเชียคงต้องพูดเรื่องนี้ไปอีกยาวๆ ส่วนจะได้ผลหรือไม่ … ทางแบรนด์คงมีการทำวิจัยอย่างต่อเนื่องของเขา แต่สำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ รอดูละกันว่า กระทู้ดราม่าจะลดลงไหม

กรุงไทย ธนาคารแรกที่พร้อมให้บริการสินเชื่อออนไลน์แบบครบวงจร [PR]

$
0
0

ธนาคารกรุงไทย อาคารสำนักงานใหญ่ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และ นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จํากัด (เครดิตบูโร) ร่วมลงนามในสัญญาให้บริการสมาชิก เรื่องการรับความยินยอมในการเปิดเผยหรือให้ข้อมูลโดยวิธีการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจากเจ้าของข้อมูล เพื่อเตรียมให้บริการสินเชื่อออนไลน์แบบครบวงจรเป็นธนาคารแรกของประเทศ ผ่านแอปพลิเคชั่นกรุงไทย NEXT โดยคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ในปลายไตรมาสแรกนี้

นายผยง ศรีวณิช เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารกรุงไทย ได้ให้บริการตรวจข้อมูลเครดิตบูโรผ่านแอปพลิเคชั่น กรุงไทย NEXT โดยลูกค้าสามารถตรวจข้อมูลเครดิตบูโรด้วยตนเอง ได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกรุงไทยเป็นธนาคารแห่งแรกที่ลูกค้าสามารถตรวจข้อมูลเครดิตบูโรผ่านทาง  Mobile Application และรับรายงานข้อมูลเครดิตรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Credit Report) ผ่านทางอีเมลภายใน 3 วันทำการ โดยให้บริการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จากเดิมที่ใช้เวลา 7 วันทำการ หากขอข้อมูลผ่านสาขาและเครื่องเอทีเอ็ม และนับว่าเป็นธนาคารแห่งแรกที่ลูกค้าสามารถตรวจข้อมูลเครดิต บูโรได้ครบทุกช่องทางอีกด้วย  ขณะนี้ ธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมให้บริการสินเชื่อแบบ Digital Lending หรือสินเชื่อออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่น กรุงไทย NEXT  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเป็น NEXT to Invisible Banking ที่ติดตัวและเคลื่อนที่ไปกับลูกค้าในการทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา โดยขณะนี้อยู่ในช่วงนำร่องทดสอบ และคาดว่าจะสามารถให้บริการกับลูกค้าทั่วประเทศได้ในปลายเดือนมีนาคมนี้

“ธนาคารกรุงไทย จะเป็นธนาคารแห่งแรกที่สามารถให้บริการสินเชื่อออนไลน์แบบครบวงจรที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งทุกขั้นตอนในการขอสินเชื่อจะเป็น Paperless และทำผ่านMobile Application ตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การสมัครสินเชื่อ (e-Application) การส่งเอกสารประกอบสินเชื่อ (e-Document) การให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลเครดิต (e NCB Consent) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำสัญญาสินเชื่อแบบ e-Contract โดยไม่ต้องเตรียมสำเนาเอกสาร นับเป็นมิติใหม่ในการให้บริการของวงการธนาคารไทย  ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าในยุค Thailand 4.0  อย่างไรก็ตาม สำหรับความยินยอมในการเปิดเผยหรือให้ข้อมูลโดยวิธีการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจากเจ้าของข้อมูลนั้น บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลซึ่งคือลูกค้าที่มาขอสินเชื่อกับธนาคาร เพื่อการเปิดเผยข้อมูล”

ด้านนายสุรพล โอภาสเสถียร กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า นับเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งที่ทั้งสองหน่วยงานจับมือกันพัฒนาและส่งเสริมธุรกรรมการขอสินเชื่อออนไลน์ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ รวมทั้งการเพิ่มบริการตรวจข้อมูลเครดิตออนไลน์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Credit Report) เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในสังคมยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี  ที่ผ่านมา เครดิตบูโรดำเนินการพัฒนาและให้ความสำคัญในการเข้าถึงข้อมูลเครดิตของตนเองมาอย่างต่อเนื่อง โดยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของข้อมูลในการตรวจสอบรายงานข้อมูลเครดิต  อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมก่อนขอสินเชื่อต่างๆ และช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเครดิตของตนเองอีกด้วย

ความร่วมมือของ 2 สถาบันในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของวงการธุรกิจธนาคารไทย ที่ลูกค้าจะสามารถใช้บริการสินเชื่อออนไลน์ที่ครบวงจรอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากความสะดวกสบายแล้ว ยังมีความปลอดภัยเช่นเดียวกับการขอสินเชื่อที่สาขาด้วยตนเอง อันเป็นส่วนหนึ่งในการก้าวสู่สังคม Digital Economy

New Volvo S90 Inscription 2019 นิยามใหม่แห่งความหรูหราสไตล์สแกนดิเนเวียนขนานแท้ [PR]

$
0
0

วอลโว่ แบรนด์รถยนต์หรูระดับโลก ภูมิใจนำเสนอ New 2019 Volvo S90 Inscription สุดยอดยานยนต์ที่มอบประสบการณ์การเดินทางที่สมบูรณ์แบบด้วยด้วยเทคโนโลยีสุดไฮเทคที่มีเฉพาะในตระกูล S90 พร้อมประสิทธิภาพการทำงานชั้นเลิศ การตกแต่งห้องโดยสารที่สวยงามภูมิฐานและสัมผัสแห่งความกลมกลืนละเมียดละไมในทุกรายละเอียด สะท้อนแนวคิด “Crafted to Impress” สร้างนิยามใหม่ของเอ็กเซ็กคิวทีฟซีดานในแบบฉบับสแกนดิเนเวียนขนานแท้ เพื่อประสบการณ์การเดินทางระดับสูงเสมือนการผ่อนคลายในโอเอซิสแห่งความรื่นรมย์ตลอดเส้นทาง

เครื่องยนต์ T8 Twin Engine AWD มอบกำลังเครื่องแรงเต็มพิกัด แถมประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุดที่ 1.8 ลิตร/100 กิโลเมตร ด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้า Electric All Wheel Drive ที่ผสานพลังจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10.4-kWh และระบบส่งกำลัง AT 8-speed Transmission ทำให้ขับเคลื่อนได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย พร้อมมอบแรงบิดสุดเร้าใจที่ 640 นิวตันเมตร ระบบถุงลมกันสะเทือน 4 ทิศทาง Four-C Air Suspension ทำหน้าที่ปรับแต่งค่าต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับโหมดการขับขี่ที่เลือก โดยในโหมดการขับขี่ Hybrid หรือ AWD ระบบถุงลมกันสะเทือน Four-C จะถูกตั้งค่าการทำงานให้มอบความนุ่มสบายในการขับขี่สูงสุด หากเลือกโหมด Pure หรือ Power ระบบถุงลม Four-C จะถูกปรับให้มีการทำงานที่มอบสัมผัสของการขับขี่แนวสปอร์ตมากยิ่งขึ้น New 2019 Volvo S90 รุ่นเครื่องยนต์ S90 T8 Twin Engine Inscription ยังนำเสนอความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีและการตกแต่งขั้นสูงอีกมากมาย อาทิ

  • เบาะหุ้มหนังแบบ Perforated Nappa Leather
  • เบาะหน้าระบบระบายความร้อน
  • ล้ออัลลอยแบบ Diamond-cut 19 นิ้ว
  • กล้องแบบ 360° มอบทัศนียภาพมุมสูงให้ผู้ขับมองเห็นได้รอบทิศทาง
  • ระบบเสียงพรีเมียมจากแบรนด์ Bowers & Wilkins นักขับสามารถเลือกเป็นเจ้าของ New 2019 Volvo S90 จากรุ่นเครื่องยนต์ต่าง ๆดังนี้
  • T8 Twin Engine AWD Inscription 3,790,000 บาท
  • T8 Twin Engine AWD R-Design 3,590,000 บาท
  • T8 Twin Engine AWD Momentum 3,290,000 บาท
  • D4 Momentum 3,190,000 บาท

วอลโว่ยังนำเสนอบริการซ่อมบำรุงรูปแบบใหม่ ด้วยการเพิ่มระยะเวลาประกันสองเท่าจากเดิม 5 ปี นานเป็น 10 ปี* เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่อุ่นใจและผ่อนคลายสูงสุดแก่ลูกค้าวอลโว่ ตอกย้ำแนวคิดการขับขี่อย่างปลอดภัยและให้ความสำคัญกับชีวิตผู้คนเป็นอันดับแรก เพื่อให้ลูกค้าวอลโว่เพลิดเพลินกับการเดินทางในสุดยอดยานยนต์ของวอลโว่ ไม่ว่าคุณจะขับขี่รถยนต์วอลโว่รุ่นใด เราพร้อมเคียงข้างคุณในทุกเส้นทาง

เงื่อนไขบริการ:
บริการซ่อมบำรุง 10 ปี/ 100,000 กม. เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจ Volvo Premium Service Package (VPSP) ซึ่งรวมถึง:

  • แพ็กเกจบริการซ่อมบำรุงระดับพรีเมี่ยมของวอลโว่นาน 10 ปี หรือ 100,000 กม.
  • ประกันวอลโว่ (Volvo Warranty) นาน 5 ปี หรือ 150,000 กม.
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
    สอบถามข้อมูลรถยนต์รุ่นปี 2019 ทั้งหมดได้ที่ผู้แทนจำหน่ายวอลโว่ใกล้บ้าน หรือดูรายละเอียดที่เว็บไซต์
    https://www.volvocars.com/en-th

SAMSUNG ประกาศใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลาสติก ตอบสนองนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน [PR]

$
0
0

ซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ ประกาศเดินหน้านโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปีนี้ โดยหันมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กระดาษ หรือวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ ในการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์แทนการใช้พลาสติก ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 นี้ ซัมซุงจะเริ่มใช้วัสดุดังกล่าวในการผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ตั้งแต่ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ไปจนถึงกล่องบรรจุภัณฑ์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อเป็นการตอบรับแนวคิดดังกล่าว ทางซัมซุงได้ระดมทีมงานเฉพาะกิจ ทั้งฝ่ายออกแบบและพัฒนา ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายการตลาดและฝ่ายควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ดียิ่งขึ้น

สำหรับกล่องบรรจุภัณฑ์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์สวมใส่ซัมซุงจะแทนที่บล็อกถาดพลาสติกที่รองรับตัวเครื่องด้วยผลิตภัณฑ์เยื่อกระดาษขึ้นรูป และเปลี่ยนพลาสติกอื่น ๆที่ห่ออุปกรณ์ในกล่องเป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งปรับดีไซน์สายและแท่นชาร์จจากเดิมที่ด้านนอกเป็นพลาสติกแบบเคลือบเงา ให้เป็นดีไซน์เนื้อผิวด้าน พร้อมยกเลิกการใช้ฟิล์มติดรอบตัวเครื่อง เพื่อลดการใช้จำนวนพลาสติกอีกด้วย นอกจากนี้ ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่ใช้บรรจุอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น ทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว จะถูกแทนที่ด้วยวัสดุจากขยะพลาสติกรีไซเคิล และพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) ซึ่งผลิตขึ้นจากวัสดุจากธรรมชาติปราศจากเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างแป้งและอ้อยสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ

สำหรับวัสดุประเภทกระดาษและไฟเบอร์ต่าง ๆ ซัมซุงจะใช้วัสดุที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานเพื่อสิ่งแวดล้อมระดับโลก อาทิ องค์การพิทักษ์ป่าไม้ (Forest Stewardship Council) หรือ FSC ที่ก่อตั้งขึ้นโดยไม่หวังผลกำไรภายใต้ความร่วมมือของหลายองค์การจากทั่วโลกซึ่งซัมซุงจะนำวัสดุรักษ์โลกเหล่านี้มาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์และคู่มือการใช้งานภายในปี 2563

ด้านนาย คยองบิน ชอน หัวหน้าฝ่ายดูแลความพึงพอใจของลูกค้าซัมซุงทั่วโลก กล่าวว่า “ซัมซุงอิเล็คโทรนิคส์ ได้ผลักดันนโยบายเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั้งการลดลงของทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาจากขยะจากพลาสติก โดยเราสัญญาว่าจะรีไซเคิลทรัพยากรที่นำมาใช้อย่างคุ้มค่า ลดปริมาณมลพิษ และนำวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการผลิตถึงแม้จะเป็นการเพิ่มงบประมาณก็ตาม”

ตามนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนของบริษัทฯ ซัมซุงวางแผนที่จะนำกระดาษที่ผ่านรับรองจากองค์การด้านป่าไม้
มาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ภายในปี 2020 และตั้งเป้าที่จะนำพลาสติกกว่า 500,000 ตัน รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ถูกทิ้งเป็นขยะกว่า 7.5 ล้านตัน ตั้งแต่ปี 2009 มารีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ให้ได้ภายในปี 2030

Viewing all 21651 articles
Browse latest View live


<script src="https://jsc.adskeeper.com/r/s/rssing.com.1596347.js" async> </script>