Quantcast
Channel: Brand Buffet
Viewing all articles
Browse latest Browse all 21974

KBank ทุ่ม 1,300 ล้านบาท ยกเครื่องแอป K Plus ใหม่ ตามเสียงบ่นลูกค้า ต่อไปนี้ โอนไว-ไม่ล่ม

$
0
0

 

ธนาคารกสิกรไทย (Kbank) ได้ลุกขึ้นมาปรับโฉม K PLUS  ใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ “เปลี่ยนเพื่อรู้ใจขึ้น” หลังประสบปัญหา “เสี่ยงบ่น” จากลูกค้าหลายเรื่อง ที่หนักสุดเห็นจะเป็นเรื่อง ไม่สามารถใช้บริการผ่าน Wi-Fi ได้ และปัญหาระบบขัดข้อง เป็นโจทย์สำคัญทำให้ต้องพัฒนาและปรับโฉมในครั้งนี้ และยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องพัฒนา  เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้ง่ายขึ้น รวมทั้งแก้โจทย์สำคัญทางธุรกิจธนาคาร ที่ภาคการเงินถูกเทคโนโลยีเข้ามา Disrupt จนการพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ เป็นสิ่งจำเป็น ด้วยเหตุผลดังกล่าว นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ผู้บริโภคจับต้องได้ ดังนี้

สารพัดฟีเจอร์แก้ปัญหา “เสียงบ่น” ลูกค้า

  • โลโก้ใหม่  กับการปรับโฉมโลโก้แบบเดิมให้มีหน้าตาทันสมัย แสดงถึงความเป็นดิจิตอล หน้าตาและการจัดวางเมนูใหม่ ให้สวยงาม สะอาดตา และมีความทันสมัยเข้ากับยุคดิจิทัล
  • ปุ่มธุรกรรมถูกรวมไว้อยู่ในปุ่มเดียว ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม โอน เติมเงิน จ่ายเงิน และอื่นๆ เพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น

  • พัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละบุคคล (Personalization)  โดยการนำข้อมูล Big Data มาวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า  ทำให้การนำเสนอบริการตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น และลูกค้ายังเลือกปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นที่ใช้บ่อย ได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้ด้วย
  • นำระบบ AI ที่ชื่อ เกด (KADE : K PLUS AI-Driven Experience) มาใช้งานเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวของลูกค้า ซึ่งจะมีการนำเสนอบริการใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ และในอนาคต  KADE จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ Robo Advisor การแสดงใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการใช้เสียงสั่งการทำงาน (Voice Command) อาทิ การโอนเงิน การเติมเงิน หรือการจ่ายเงิน

  • การกดเงินโดยไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเอทีเอ็ม โดยมีระบบการป้องกันความปลอดภัย  ซึ่งผู้ใช้งานต้องเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์และเครื่องโทรศัพท์เป็นของตัวเอง  ซึ่งต้องกดรหัสเดียวกันกับที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือเท่านั้น และมีบริการสแกน QR Code เพิ่มเติมด้วย
  • การป้องกันสลิปการโอนเงินปลอม  ด้วย e-Slip รูปแบบใหม่ มีการเพิ่ม QR Code เป็นลายน้ำในสลิปเพื่อเช็คและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล

  • สามารถใช้งานผ่านระบบ Wi-Fi ได้ตลอดเวลา แต่ผู้ใช้จะต้องเป็นเจ้าของซิมการ์ด โทรศัพท์มือถือ และต้องใส่ PIN ก่อนเข้าใช้บริการ
  • ฟีเจอร์เพิ่มบัตรสะสมคะแนน โดยพันธมิตรรายแรก คือ PTT Blue Card ซึ่งเมื่อลูกค้าใช้จ่ายร้านค้าในเครือ ปตท. ด้วยการชำระผ่าน QR Code จะสะสมแต้มบัตรบน K PLUS ได้โดยไม่ต้องพกบัตร ไม่ต้องบอกเบอร์
  • บริการตลาดออนไลน์ หรือ K PLUS Market ซึ่งสามารถชำระค่าสินค้าในร้านค้าออนไลน์  ได้ 2 รูปแบบ คือ ตัดเงินภายในบัญชี หรือตัดจากคะแนนบัตรเครดิต และยังจะมีบริการใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้ด้วย

ทำไมต้องปรับ?

คุณพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เล่าว่า หลังจากใช้งานแพลทฟอร์ม K PLUS มากว่า 5 ปี มีผู้ใช้บริการถึงเดือนกันยายน 2561 จำนวนกว่า 9.4 ล้านราย หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 61% ของจำนวนลูกค้าธนาคารทั้งหมด 15 ล้านราย  โดยลูกค้าทำธุรกรรมในด้านการโอนเงินเป็นจำนวนมาก เฉลี่ย 0.7 ครั้งต่อวันต่อคน เติบโตจากปีที่ผ่านมาถึง 80% และเรื่องการดูยอดเงินคงเหลือในบัญชี เฉลี่ย 1.7 ครั้งต่อวันต่อคน  ซึ่งจะพบว่าช่วงสิ้นเดือนลูกค้าจะบ่น  เกี่ยวกับปัญหาระบบล่มอยู่เป็นจำนวนมาก  จึงต้องยกเครื่องระบบครั้งใหญ่ และการทำให้เสถียรเป็นโจทย์ใหญ่

นอกจากนี้ ความท้าทายของธนาคารคือการก้าวเข้าสู่ธุรกรรมอื่นๆ เพื่อปกป้องตลาดของตัวเอง แอปพลิเคชั่น K Plus เวอร์ชั่นใหม่ ถูกผูกโยงเข้ากับระบบ CRM ของแบรนด์อื่น เช่น PTT และ The 1 ของเซ็นทรัล เพื่อผสานสิทธิประโยชน์ของบัตรเหล่านั้น เข้ากับระบบการจ่ายเงินของธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อการเติมน้ำมัน และการช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า เป็นการใช้จ่ายอันดับต้นๆ ของบัตรเครดิตส่วนใหญ่ ทำให้คะแนนของบัตรเหล่านี้ Earn และ Burn ผ่านกสิกรได้เมื่อไหร่ก็จูงใจคนให้ใช้กสิกรมากขึ้นเท่านั้น

อีกฟีเจอร์หนึ่งที่สะท้อนภาพการปรับตัวของ K Bank ได้เป็นอย่างดีก็คือ การเปิด K Plus Market เมื่อแบงก์กลายเป็นพื้นที่ E-Market Place ไปซะแล้ว!!! แทนที่จะปล่อยให้ลูกค้าไปช็อปปิ้งสินค้าที่อื่นแล้วรูดบัตร หรือใช้ช่องทางการจ่ายเงินที่มีทางเลือกมากมายเหลือเกิน ไม่ใช่แค่คู่แข่งจากธนาคารด้วยกันเท่านั้น แต่ Tech Company ไม่ว่าจะเป็น Apple ผ่าน Apple Pay, Samsung ด้วย Samsung Pay แถมรายล่าสุด FitBit ก็ประกาศสดๆ ร้อนๆ วันนี้เช่นเดียวกับการปรับตัวของ K Bank ว่า Fitbit Pay เริ่มใช้ได้แล้วในประเทศไทย หรือ WeChat ไปจนถึง Facebook ที่บริษัทเหล่านี้ล้วนแล้วมีแต่มีระบบจ่ายเงินขึ้นมาเองแล้ว ธนาคารกสิกรไทย แทนที่จะเป็นแค่ธนาคาร จึงต้องทำหน้าที่เป็นช่องทางขายสินค้าไปด้วย

แนวโน้มอีกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น คือ การลงทุนที่ผู้บริโภคชนชั้นกลางมีความรู้เรื่องการเงินมากขึ้น รวมทั้งเมื่อธนาคารต่างๆ เปิดให้การโอนเงิน หรือจ่ายบิล ฟรี! การแสวงหารายได้ทางอื่น จึงต้องเข้ามาแทนที่ ฟีเจอร์กองทุนรวมของ K Plus ที่ถูกปรับปรุงขึ้นจึงสร้างแรงดึงดูด อ่านข้อมูลกองทุนต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และยิ่งมี AI กับ Big Data เข้ามา ก็ยิ่งทำให้การแนะนำข้อมูลในเรื่องนี้ สอดคล้องกับผู้ใช้ง่ายแต่ละคนมากขึ้น

3 ปีเพิ่มลูกค้าทะลุ 20 ล้านบัญชี

ปัจจุบันกสิกรมีลูกค้ารวม 15 ล้านบัญชี โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ธนาคารมีฐานลูกค้าใหม่เฉลี่ยปีละกว่า 1 ล้านบัญชี โดยภายใน 3 ปี กสิกรตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าใหม่ปีละ 2 ล้านบัญชี โดยมี K PLUS โฉมใหม่มาช่วยขยายฐานลูกค้า  ซึ่งจะทำให้กสิกรมีฐานลูกค้ารวม  20 ล้านบัญชี โดยที่ผ่านมามีลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาเดือนละ 150,000 ราย กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการขยายเพิ่ม คือ กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์  และกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ส่วนฟังก์ชันที่ลูกค้านิยมใช้งานมากที่สุด คือรายการโอน-เติม-จ่าย คิดเป็น 125 ล้านรายการต่อเดือน ขณะที่ฟังก์ชั่นไลฟ์สไตล์ที่มีอยู่ ยังมีปริมาณการทำธุรกรรมที่น้อยกว่า 1% หรือประมาณ ​500,000 รายการ  ซึ่ง K PLUS โฉมใหม่ต้องการให้ลูกค้าใช้เรื่องไลฟ์สไตล์เพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 1 ปี

“K PLUS เป็นเบอร์หนึ่งหรือไม่ ไม่สำคัญ  แต่การทำธุรกรรมถือว่าเยอะมาก เราต้องการดูแลลูกค้าให้ดี จำนวนธุรกรรมเติบโตถึง 80% เวลาเกิดปัญหาอะไร อิมแพคกับคนเยอะมาก และเราควรบริการลูกค้าเก่าให้ได้มากขึ้น”คุณพัชร เล่าถึงเป้าหมายสำคัญของ K PLUS

ทุ่ม 1,300 ล้าน แก้ปัญหาระบบล่ม

ในแต่ละปีกสิกรทุ่มงบประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาระบบไอทีทั้งหมด แต่เฉพาะการแก้ไขและป้องกันปัญหาระบบล่ม กสิกรได้ทุ่มงบประมาณถึง 1,300 ล้านบาท เป็นการยกเครื่องระบบ K PLUS ใหม่เกือบทั้งระบบ 

คุณสมคิด จิรานันตรัตน์  ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เล่าว่า ความยากของการพัฒนา K PLUS โฉมใหม่ คือ การเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ใหม่  จากเดิมที่เป็นการให้บริการเพื่อธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารกสิกร ส่วนรูปแบบใหม่เป็นการพัฒนาโดยใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และไม่จำเป็นต้องทำธุรกรรมทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการทำธุรกรรมไลฟ์สไตล์ และไม่จำเป็นต้องเป็นบริการของธนาคารกสิกรไทยเท่านั้น

ส่วนปัญหาระบบล่มนั้นมาจากหลายสาเหตุ  โดยอาจจะเกิดจากระบบของกสิกรที่มีปัญหาจริงๆ  หรือบ่อยครั้งมีปัญหาจากปลายทาง  แนวทางการแก้ไขจึงต้องวางระบบให้ตัดปัญหาที่เกิดปลายทาง  และสิ่งที่พัฒนาเพิ่ม คือ การพัฒนาระบบให้สามารถรองรับปริมาณการทำธุรกรรมให้มากขึ้น ภายในสิ้นเดือนตุลาคมจะสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ 10,000 รายการต่อวินาที จากปัจจุบันรองรับได้ 4,000 รายการต่อวินาที  และในปีหน้ายังวางแผนพัฒนาระบบให้รองรับได้ถึง  50,000 รายการต่อวินาทีด้วย

คุณสมคิด จิรานันตรัตน์

เป้าหมายผู้ใช้ 100 ล้านคนทั่วโลก

การพัฒนาของ K PLUS ด้วยการนำเอาระบบ AI มาใช้ จะเป็นการเปิดทางให้ผู้ใช้บริการต่างๆ เข้าถึง K PLUS ได้ง่าย โดยไม่ใช่ธนาคารเท่านั้น รวมถึงไม่ใช่แค่พื้นที่ในประเทศไทย แต่หมายถึงตลาดโลกด้วย ซึ่งการจะไปในพื้นที่ตลาดโลกได้นั้น จำเป็นจะต้องคิดนอกกรอบจากที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการนอกเหนือจากธุรกรรมของธนาคาร การเป็นศูนย์รวมบริการต่างๆ ด้วยการพัฒนาโครงสร้างเทคโนโลยี Open Platform เพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับช่องทางการบริการ และพันธมิตรในธุรกิจต่างๆ เพื่อต่อยอดไปสู่บริการใหม่ๆ

“เป้าหมายการพัฒนา K PLUS  คือ ทำให้เทคโนโลยีเป็นเรื่องว่ายๆ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ในอนาคตจะทำให้คนที่ไม่มีบัญชีธนาคาร สามารถทำธุรกรรมได้ เกิดธุรกรรมการเงินข้าประเทศ จึงได้ตั้งเป้าหมายจะมีผู้ใช้ K PLUS ทั่วโลกถึง 100 ล้านคน”คุณสมคิด เล่าถึงแนวทางการพัฒนา K PLUS

สำหรับการเปลี่ยนโฉมแอปพลิเคชั่น K PLUS ครั้งนี้ นอกจากมีการจัดงานแถลงข่าวใหญ่กลางสยามพารากอนแล้ว  สำหรับในธนาคารเองก็มีกิจกรรมให้พนักงาน ไม่ว่าอยู่ในออฟฟิศหรือสาขา สามารถแต่งชุดอะไรมาทำงานก็ได้หนึ่งวัน เพื่อบอกว่าเป็นอีกหนึ่งวันเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของธนาคารกสิกรไทย พร้อมกับโพสต์รูปใส่ #เปลี่ยนDay #KPlus จนทำให้วันนี้ในโลกออนไลน์ต่างได้เห็นพนักงานกสิกรไทยใส่ชุดหรือธีมต่างๆ เช่น ชุดแม่มด ชุดไดโนเสาร์ ชุดฮีโร่ ชุดไทย เป็นต้น จนทำให้เกิด Earn Media ทำให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่า K Plus ได้มีการอัพเกรดเวอร์ชั่นใหม่แล้วไปโดยปริยาย รวมทั้งเป็นการปลุกกระแสให้เกิดความตื่นตัวของพนักงานเอง เพราะพนักงานของธนาคารทุกคนนี่เองที่ต้องเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่อธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

รวมทั้งสื่อโฆษณาทางออนไลน์ กับโทรทัศน์ที่งานนี้ K Bank จัดหนักทุกสื่อ เพื่อสร้างการรับรู้ ในการเปลี่ยนแปลง หวังเพิ่มยอดผู้ใช้งานทั้งจำนวนและความถี่ให้ได้ เพื่อการเติบโตทางธุรกิจ ที่แนวโน้มการทำธุรกรรมออนไลน์จะเติบโตมากขึ้น และเกมการแข่งขันของแบงก์วันนี้ อยู่บน “สมาร์ทโฟน”


Viewing all articles
Browse latest Browse all 21974

Trending Articles


โปร ROV ตีแรง อมตะ คอมโบ้ เวอร์ชั่นล่าสุด


หลุด พลอย เฌอมาลย์ เห็นหัวนมในฉากเลิฟซีน 18+


amp*payment bangkok ในบัตรเครดิต UOB คือะไร มีใครทราบไหมครับ


คิดว่ามีอนิเมะเรื่องใหนไม่เคารพ มังงะ/นิยาย บ้างครับ?


อ.จุฑารัตน์ ดูดวงวงศ์สว่าง21 ไม่เปิดหรอ?


Notability อัปเดตใหม่เพิ่มฟีเจอร์เปลี่ยนลายมือให้เป็นตัวพิมพ์ภาษาไทยได้แล้ว


ประกาศรายชื่อ Matching แพทย์ประจำบ้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ปีการศึกษา 2559 รอบที่ 1


ใส่สีตารางสลับแถว เว้นแถว Excel 2016 | 2013


โหลดโปรแกรม Cheat Engine สำหรับเก็บเลเวลในเกมส์


ใครรู้จักบริษัท the singular group บ้างครับ...


มันคือเพลงอะไรใครทราบบ้าง


มีเบอร์แปลกๆ ส่งการยืนยัน Google SIM มา


คลิปซูฉีอาบน้ำ เห็นหมด รีบดูก่อนโดนลบ


ใหม่ All New ISUZU D-MAX Super Daylight 2014-2015 ราคา อีซูซุ ดีแมคซ์ ซูเปอร์...


ด่วน! สพป.สกลนคร เขต 1 รับสมัครลูกจ้างชั่วคราว และครูอัตราจ้าง 10 อัตรา


จากนางแบบเซ็กซี่สู่เจ้าหญิง!! เจ้าหญิงโซเฟียแห่งสวีเดน กับเส้นทางชีวิตสุดแซ่บ


สรุปทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Pivot Table


เล่นแร่แปรสูตร : การแปลงวันที่ Text ให้เป็นวันที่ Date


การเขียนแม่ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ 3D ด้วย Artcam (ตอนที่ 1)


กลัวความลับหลุด เครียดมาก